ฉลามครีบดำ โชว์ตัวอ่าวมาหยามากกว่า 60 ตัว

ฉลามครีบดำ โชว์ตัวอ่าวมาหยามากกว่า 60 ตัว

View icon 160
วันที่ 24 ธ.ค. 2566 | 09.42 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
อ่าวมาหยาอุดมสมบูรณ์ เจอฉลามครีบดำมากกว่า 60 ตัว อยู่ในแหล่งอาศัยน้ำตื้น ย้ำนักท่องเที่ยวปฏิบัติตามกฎห้ามลงเล่นน้ำ

ฉลามครีบดำ วันนี้ (23 ธ.ค.2566) นายยุทธพงศ์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเล ที่ 3 จังหวัดตรัง ได้สำรวจติดตามประชากรและพฤติกรรมของฉลามครีบดำ (Carcharhinus melanopterus) ภายใต้โครงการสำรวจจำนวนและพฤติกรรมตามธรรมชาติของฉลามครีบดำในอ่าวมาหยา อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ (Shark Watch Project) ประจำปีงบประมาณ 2567 เป็นการต่อเนื่องจากปีงบประมาณ 2566 จากการสำรวจในรอบแรก (18-24 ธันวาคม 2566) โดยใช้วิธีถ่ายภาพทางอากาศ (อากาศยานไร้คนขับ) แบบ Transect เพื่อนับประชากรฉลาม และตั้งกล้องถ่ายใต้น้ำ BRUV (Baited Remote Underwater Video) เพื่อสังเกตพฤติกรรมฉลาม

โดยเมื่อวันที่ (21 ธ.ค.2566) เจ้าหน้าที่ใช้อากาศยานไร้คนขับบินสำรวจพบฉลามครีบดำเข้ามาใช้ประโยชน์พื้นที่อ่าวมาหยา ไม่น้อยกว่า 60 ตัว จากการนับจำนวนที่ปรากฏในเฟรมเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นแนวโน้มในการฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยของฉลาม โดยเฉพาะพื้นที่แหล่งน้ำตื้นหน้าอ่าวมาหยา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด แหล่งอนุบาลฉลามครีบดำที่สำคัญ ของทะเลอันดามันของประเทศไทย ซึ่งบริเวณชายหาดอ่าวมาหยายังเป็นแหล่งฟื้นฟูระบบนิเวศปะการัง และแหล่งอาศัยของฉลามครีบดำ จะมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมดูแลไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ เพื่อไม่ให้รบกวนสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บริเวณชายหาด และยังเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ และพื้นที่ท่องเที่ยว ให้คงอยู่และสวยงาม

ทั้งนี้ เพื่อให้ธรรมชาติคงอยู่และสวยงาม เจ้าหน้าที่เน้นย้ำ อย่าลืมปฏิบัติตามข้อปฏิบัติการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ โดยอ่าวมาหยามีข้อปฏิบัติในการท่องเที่ยว ดังนี้
- ห้ามลงเล่นน้ำ
- ห้ามเดินออกนอกเส้นทาง เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
- ห้ามเก็บหา ปะการัง กัลปังหา และสัตว์ทะเลทุกชนิด
- ห้ามนำและใช้ครีมกันแดดที่มีสารประกอบของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อปะการัง
- ห้ามนำและใช้ภาชนะที่ทำด้วยโฟม
- ห้ามทิ้งขยะ
- ห้ามให้อาหารปลา
- ห้ามใช้โดรนโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ห้ามทิ้งสมอเรือในแนวปะการัง
หากนักท่องเที่ยวมีการฝ่าฝืนข้อปฏิบัติดังกล่าวจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562

ข่าวที่เกี่ยวข้อง