ใบมะละกอ กินเพื่อรักษายังเป็นการวิจัยในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง

ใบมะละกอ กินเพื่อรักษายังเป็นการวิจัยในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง

View icon 307
วันที่ 28 ธ.ค. 2566 | 15.30 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
แพทย์แผนไทยฯ เผยใบมะละกอ กินเพื่อรักษายังเป็นการวิจัยในหลอดทดลอง ใบมะละกอมีกลุ่มสารไกลโคไซด์ อัลคาลอยด์ เฟลโวนอยด์ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ สมุนไพรอาจเป็นทางเลือก แต่ต้องพิจารณาอย่างเหมาะสม ไม่ควรทิ้งการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน

ดร.ภญ.ดวงแก้ว ปัญญาภู รองผู้อำนวยการกองวิชาการและแผนงาน กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า จากกระแสข่าวการใช้ใบมะละกอรักษามะเร็งนั้น ต้องเข้าใจใน 2 ส่วน คือ การรับประทานใบมะละกอเป็นอาหาร กับการใช้ใบมะละกอรักษาโรค ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีการนำใบมะละกอมารับประทาน แต่คนไม่ค่อยนิยมเพราะเหม็นเขียว และมียางทำให้รับประทานยาก แต่บางพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการนำมาเป็นเครื่องเคียงกับอาหารว่างบางชนิด เช่น ตำกล้วย

สารสำคัญของใบมะละกอมีกลุ่มสารไกลโคไซด์ อัลคาลอยด์ และเฟลโวนอยด์ มีฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญ เช่น ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัสในปริมาณสูง ถึงแม้รับประทานได้ไม่เป็นอันตราย แต่หลักการรับประทานอาหารโดยทั่วไปการเตรียมวัตถุดิบในการปรุงอาหารต้องสะอาด รับประทานอาหารให้หลากหลาย ไม่รับประทานอาหารซ้ำเป็นเวลานาน 

ส่วนการรับประทานใบมะละกอในการรักษาโรค ใบมะละกอ มีการศึกษาวิจัย แต่ยังเป็นการศึกษาวิจัยในหลอดทดลอง และสัตว์ทดลอง ดังนั้นผู้ป่วย ญาติผู้ป่วยสามารถเชื่อมั่นได้ว่า โรคมะเร็งมีการรักษาที่เป็นมาตรฐาน ต้องคำนึงถึงสภาวะโรคของแต่ละบุคคล และต้องมีการติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิด หากการรักษาแผนหลักไม่ประสบผลสำเร็จ หรือไม่สามารถทนต่ออาการไม่พึงประสงค์ของยาหรือแนวทางการรักษาแผนหลักได้ สมุนไพรอาจเป็นทางเลือก แต่ต้องพิจารณาอย่างเหมาะสมร่วมกันระหว่างแพทย์เจ้าของไข้ผู้ป่วย เภสัชกร และแพทย์แผนไทย ที่มีความรู้ด้านสมุนไพร  ส่วนน้ำใบมะละกอก็ควรต่อยอดการศึกษาวิจัยในคน ต่อไป

ดร.ภญ.ดวงแก้ว กล่าวอีกว่า แนวทางการรักษามะเร็งด้วยสมุนไพรเพื่อใช้เป็นทางเลือกนั้น นอกจากการรักษาแผนปัจจุบันแล้วผู้ป่วยมะเร็งควรได้รับการดูแลแบบองค์รวม ทั้งในด้านอาหารที่เป็นประโยชน์ อากาศบริสุทธิ์ อารมณ์ดีไม่เครียด และการออกกำลังกายที่สมดุลเหมาะกับสภาวะผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาทั้งทางกาย และทางใจ ตามหลักการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง