ป่วย ไม่พร้อมสู้คดี ส่อปล่อยตัวเด็ก 14 ปี 31 ธ.ค.นี้

View icon 192
วันที่ 29 ธ.ค. 2566 | 11.24 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - การตีกลับสำนวนเด็ก 14 ปี กราดยิงในห้างพารากอน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 4 ราย และมีแนวโน้มว่าผู้ก่อเหตุอาจจะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ เกิดคำถามตามมาเกี่ยวกับกระบวนการทำสำนวน และขั้นตอนการทำคดีต่อจากนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไร กฎหมายคุ้มครองผู้ก่อเหตุในฐานะเป็นเยาวชน และป่วยจิตเวช แล้วมีกฎหมายไหนคุ้มครองผู้เสียชีวิต และครอบครัวที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปตลอดกาลหรือไม่

สาเหตุสำคัญที่ทำให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 3 ตีกลับสำนวนตำรวจ ก็เพราะพนักงานสอบสวน สอบสวนผู้ต้องหาซึ่งเป็น "เด็ก" ในคดีนี้ โดยไม่รอผลการวินิจฉัยการตรวจจากแพทย์ฯ ส่งกลับมาก่อน แต่กลับดำเนินการแจ้งข้อหา พร้อมกับมีความเห็นสั่งฟ้อง ทำให้เข้าข่ายเป็นการสอบสวนโดยไม่ชอบตามกฎหมาย จึงให้รอเด็กหายป่วยเป็นปกติ หรือจนกว่าเด็กจะสามารถต่อสู้คดีได้ แล้วทำการสอบสวนใหม่ให้เสร็จสิ้น

ก็มีคำถามขึ้นมาทันทีว่า อัยการรู้ แล้วตำรวจที่ทำคดีไม่รู้ได้อย่างไร ตกลงแล้วข้อมูลที่สังคมรับรู้ตั้งแต่แรก ๆ ว่า ผู้ก่อเหตุไม่ได้ป่วย ถูกส่งตัวไปสถานพินิจ แต่ล่าสุดกลายเป็นว่าแพทย์บอกยังไม่พร้อมสู้คดี เรื่องราวเป็นอย่างไร และทำไมผู้ก่อเหตุน่าจะได้รับอิสรภาพในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ 

สรุปคือที่เข้าใจกันว่า ผู้ก่อเหตุอยู่สถานพินิจ ความจริงไม่ใช่ อยู่รักษาตัวที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ในฐานะผู้ป่วยในมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ไปอยู่สถานพินิจเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น และก็เป็นที่มาว่าจะต้องมีคณะกรรมการประเมินสุขภาพจิตกันตลอด ซึ่งจนถึงขณะนี้แพทย์ลงความเห็นว่ายังไม่พร้อมสู้คดี

คำถามต่อมาคือ แล้วเมื่อไหร่จะพร้อม กระบวนการพิจารณาเชื่อถือได้หรือไม่ จะมีการแทรกแซงอะไรได้หรือเปล่า เพราะผู้ก่อเหตุมีฐานะ จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรือไม่ นี่ก็เป็นสิ่งที่สังคมเขากังขา

ซึ่งก็มีคำยืนยันจากโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดว่า ขอให้เชื่อมั่นเถอะว่ากระบวนการตรวจสอบโปร่งใส ตามจรรยาวิชาชีพของหมอ และมีหลายฝ่ายร่วมประเมิน ดำเนินการทุก 15 วัน ส่วนคดียังมีอายุความ 20 ปี เมื่อไหร่ที่แพทย์ลงความเห็นว่าผู้ก่อเหตุพร้อมสู้คดีแล้ว ตำรวจก็เดินหน้าทำคดีส่งสำนวนมาอัยการได้

ทีนี้มันก็ยังมีเรื่องคาใจสังคมว่า กฎหมายนี่เป็นคุณกับผู้ก่อเหตุไปหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นการคุ้มครองเด็ก เยาวชน ไปจนถึงการเป็นผู้ป่วยจิตเวช แล้วมีกฎหมายไหนคุ้มครองผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และญาติผู้เสียชีวิต ที่เขาต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปตลอดกาลหรือไม่

ทีมข่าวของเราติดต่อไปยังคุณเดือน น้าสาวของนางสาวเพ็ญพิวรรณ มิตรธรรมพิทักษ์ หรือ หนุงหนิง หนึ่งในเหยื่อจากเหตุการณ์ดังกล่าว เธอรู้สึกว่าการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุค่อนข้างล่าช้า พร้อมทั้งอยากให้ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมและรอบคอบมากที่สุด เพื่อจะได้เอาผิดกับผู้ก่อเหตุได้

หลังจากนี้ก็ต้องตามต่อว่าวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ผู้ก่อเหตุจะได้รับการปล่อยตัวอย่างที่คาดการณ์กันไว้หรือไม่ สุดท้าย 3 ชีวิตที่ต้องจากไป จะมีโอกาสได้รับความเป็นธรรมหรือไม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง