หนุ่ย พงศ์สุข โพสต์เล่าแชร์ประสบการณ์นาทีเฉียดตายอาหารติดคอ

หนุ่ย พงศ์สุข โพสต์เล่าแชร์ประสบการณ์นาทีเฉียดตายอาหารติดคอ

View icon 149
วันที่ 1 ม.ค. 2567 | 11.32 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
หนุ่ย พงศ์สุข โพสต์เล่าแชร์ประสบการณ์นาทีเฉียดตายอาหารติดคอ ลั่น เส้นแบ่งระหว่างความเป็นกับความตายนั้น "บางมาก ๆ"

วันนี้ (1 ม.ค. 67) หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ได้โพสต์เล่านาทีเฉียดตายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว

โดยได้ระบุว่าค่ำคืนนี้ ผมประสบภาวะ "อาหารติดคอ" และสำลักอย่างแรง ในร้านอาหารปิ้งย่างย่านอิเคบุคุโระ ขณะรับประทาน "ลิ้นวัวย่าง" รสชาติเลิศรส ...นี่เราเกือบจะไม่ได้เห็นปี 2024 ซะแล้วนะ ! และคงลำบากเพื่อนร่วมทริป 4x4 อีก 15 ชีวิตที่จะหมดสนุกกันทันที การลำเลียงร่างผมคงทุลักทุเลน่าดูในระหว่างวันหยุดสิ้นปี ภรรยาและลูก ๆ ผมก็คงร้องไห้แทบสิ้นใจ

ผมค้นพบเครื่องเตือนใจหลายข้อในขณะเกิดเหตุการณ์นี้

1. พูดได้เหมือนทุกคนที่เฉียดตายมาแล้ว คือ เส้นแบ่งระหว่างความเป็นกับความตายนั้น "บางมาก ๆ"

2. ผมรู้ตัวทันทีที่อาหารติดลำคอ มันคือลิ้นวัวแบบตัดหนา ซึ่งผมผิดเองที่กัดมันไม่ขาดสะบั้น แต่ดันปล่อยให้มันไหลหลุดจากลิ้นเราลงสู่ลำคอ พอชิ้นลิ้นใหญ่ไม่แหลกเลยไปติดค้างอยู่

3. ช่วงวินาทีนั้น ผมมีอากาศอยู่กับลมหายใจสุดท้ายที่จำกัด เวลาค่อย ๆ นับถอยหลังแบบระเบิดเวลาที่ไว  ... ผมไอ 1 ไม่ออก ไอ 2 ไม่ได้ ผมเอามือล้วงคอก็ไม่ออกมา เพื่อนร่วมโต๊ะต่างรู้ชัดแล้วว่าผมไม่ได้แกล้ง

"กวิน เต็มไตรรัตน์" เพื่อนบ้านบลูลากูนที่ออกท่องเที่ยวทั่วโลกด้วยกันเสมอ เป็นผู้เข้ากระทำผมผ่านด้านหลังแบบเดียวกับที่เราเคยเห็นจากหนัง เขาใช้แรงรัดตัวผมเป็นจังหวะวินาทีชีวิต ...Choke !!... Choke !! ...2 Chokes ก็แล้วแต่ผมยังไม่ อ่อก ออกมา ... 

ออกซิเจนผมเริ่มหมด ผมรู้สติตลอดว่ายิ่งวินาทีถอยไปเรื่อย ๆ ย่อมไม่เกิดผลดีแน่ ผมเลยตัดสินใจทิ้งไพ่ใบสุดท้ายคือ "กลืน"
...เอื้อก ~ ได้ผลครับ วินาทีถัดมาคือโล่งเลย ไอ้ลิ้นชิ้นนั้น มันไหลลงร่างกายไปได้

แม้มันไม่ได้หลุดออกมาภายนอกให้เห็นเป็นที่โจษจันว่า ไอ้ชิ้นนี้นี่เองหนอย ... แต่สมองผมในวินาทีนั้นก็รู้ทันทีว่าปลอดภัยแล้ว
ผมเป็นหนี้ชีวิตกวินแล้ว ...เขาคือเพื่อนแท้ที่ช่วยชีวิตผมตลอดทริป ตั้งแต่พาผมสกีลงเขาคิโรโร่เส้นทางสีแดงอันสูงชันมาได้ และมา Choke Slam เอาอาหาร (ที่เขาชอบมากกก) ออกมาจากนาทีวิกฤตได้ในค่ำคืนนี้

เพื่อนอ้น ก็เป็นพยานเหตุการณ์ด้วยความเป็นห่วง รวมถึงภรรยาของทั้งสามเพื่อนด้วยที่ห่วงหนักมาก ความรอดตายเป็นเรื่องที่ดี และเป็นจุดพิสูจน์ใจสำคัญของเพื่อนร่วมทริปทั้งหมด

เรื่องไม่ดีเรื่องเดียวตอนนี้คือ อาการ Choking อย่างแรง มันส่งผลให้ใบหน้าผมเต็มไปด้วยเลือดที่แตกออกจากเส้นเลือดฝอยใต้ชั้นผิวหนังทั่วทั้งบริเวณ (ของดการลงภาพปลากรอบในโพสต์นี้นะครับ สงสารสายตาคุณผู้ดู) เห็นหน้าตนเองตอนนี้แล้วน่าตกใจยิ่งกว่าตอนอาหารติด ...ผมเหมือนคนโดนต่อยที่หน้าแก่ยับเยิน

ที่ผมกังวลหนักคือ มันแดงขึ้นเรื่อย ๆ และไอ้ลิ้นที่กลืนลงไป สรุปมันลงไปแล้วจริงหรือไม่ ? ... ใช่พิษของมันรึปล่าว ? ผมโทร Video Call ปรึกษาหมอฝายพี่ชายแล้ว เขายืนยันพร้อมเพื่อนหมอที่อยู่ด้วยกันอีกคนว่า เอาน้ำแข็งประคบหน้า และอีก 24 ชม.ถัดไปให้ใช้น้ำร้อนประคบ ...(อยู่ญี่ปุ่นตอนนี้หาความเย็นง่ายมากครับ แค่เปิดน้ำก๊อกแถบสีฟ้าก็เย็นจัดแล้ว แถมแถบแดงก็ร้อนจี๋)

อย่างแย่ก็หน้าดำไปอีกอาทิตย์ แต่อาหารที่ติด ลงกระเพาะอาหารไปแล้วอย่างแน่นอน ไม่ใช่นั้นจะมีหน้ามาพูดหรือหายใจอยู่ต่อไปได้รึ !? เที่ยงคืนครึ่งแล้ว ผมนอนก่อนนะครับ กลัวหลับไปแล้วไม่ตื่นน่ะ เลยออกไปเดินย่อยอาหารให้ชัวร์มาเป็นชั่วโมง ๆแต่หมอให้ความเชื่อมั่นว่านอนเถิด ตื่นแน่ ไม่มีอะไรต้องสงสัยแล้วจ้ะ

ป.ล.1 จะเคี้ยวกลืนอะไรในช่วงมื้อปีใหม่นี้ บดขยี้มันให้แหลกเลยนะครับทุกท่าน ทานอาหารกับคนที่รักเรามักจะสนุก หัวเราะ และลืมตัวได้เสมอ ๆ โปรดระมัดระวังภัยเฉียบพลันนี้ด้วยการเคี้ยวละเอียดที่พูดนี่คือเพราะผมทำไม่ได้จนหวิดม่องเท่ง พฤติกรรมการกินเร็วที่ผ่านมา 45 ปีนี่ถือว่าฟลุกมากที่รอดผ่าน ต่อไปนี้ “เคี้ยวละเอียดลูกเดียว“ แล้ว

ป.ล.2 คุณตุ๊กบอกประโยคนี้ระหว่างประคบน้ำแข็งให้บนใบหน้า ในอารมณ์ซีนหนังหลังผ่าน Crisis เรานอนอยู่บนเตียงสีขาว สวมชุดนอนสีขาวของโรงแรม เธอว่า เราผ่านอะไรกันมาตั้งมากมาย ถ้ามาตายด้วยเรื่องลิ้นวัวจุกคอตายนี่น่าเสียดาย ฉันจะมีหน้าไปบอกใครเขาได้ว่าเธอตายเพราะเรื่องนี้ ดีที่ได้ป๊อกอีก 1Up มาได้นะเราเนี่ย #เคี้ยวละเอียด ด้วยกันนะครับทุกคน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง