อบต.บ้านคลองสวน จ.สมุทรปราการ เข้าตรวจสอบหลังรับแจ้งทาวน์เฮาส์ทรุด ลุงวัย 63 ปีเจ้าหน้าบ้านกระโดดหนีออกทางหน้าต่างรอดตายหวุดหวิด
บ้านทรุด วานนี้(3 ม.ค.2567) เมื่อเวลา 20:00 น. นายพินิจ เติมบุญ นายก อบต.บ้านคลองสวน จ.สมุทรปราการ รับแจ้งว่า มีบ้านลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ทรุดตัวได้รับความเสียหาย ภายในหมู่บ้านพักครูสารสาสน์ พื้นที่หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านคลองสวน อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.บ้านคลองสวน เจ้าหน้าที่กองช่าง
เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพบเป็นทาวน์เฮาส์ขนาด 2 ชั้นปลูกติดกันจำนวน 25 คูหา บริเวณทาวน์เฮาส์ 3 หลัง เกิดการทรุดตัว ด้านหลังบ้านพังถล่มลงมา หน้าบ้านมีกำแพงและหน้าต่างแตกเสียหาย มีเศษอิฐและปูนหล่นเกลื่อนเป็นจำนวนมาก อบต.บ้านคลองสวนได้ปิดกั้นบริเวณที่เกิดเหตุ
จากการสอบถาม นายเล็ก ต้นสน อายุ 63 ปี เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ซื้อบ้านหลังนี้ต่อมาจากครูเมื่อช่วง 20 ปีก่อน ในราคา 500,000 บาท กระทั่งเมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้ยินเสียงปูนของบ้านเลขที่ 239 ซึ่งเป็นบ้านร้างไม่มีผู้พักอาศัยมานานกว่า 2-3 ปี ลั่นมาโดยตลอด กระทั่งเมื่อเวลา 19:30 น. ขณะนั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงปูนภายในบ้านลั่นจำนวน 2-3 ครั้ง จึงลุกขึ้นเดินดูรอบบ้าน ก่อนที่มีเพื่อนบ้านจะตะโกนเรียกตนให้รีบออกมาจากตัวบ้าน ในระหว่างที่ตนกำลังจะเดินออกจากบ้านได้ยินเสียง บ้านลั่นอีก 2-3 ครั้ง ก่อนที่จะมีเศษปูนหล่นลงมา จึงรีบกระโดดออกทางหน้าต่างวิ่งหนีออกมาจากตัวบ้านรอดตายอย่างหวุดหวิด ทำให้ข้อเท้าด้านขวา มีอาการปวดเจ็บ หลังจากที่ได้ออกมาจากตัวบ้านแล้วได้ยืนดูตัวบ้านอยู่สักครู่ใหญ่ นึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์อยู่ในบ้าน จึงได้วิ่งเข้าไปเอาโทรศัพท์ในบ้านอีก 1 ครั้งก่อนที่จะวิ่งหนีออกมาได้ โดยหลังจากเกิดเหตุแล้ว จะไปพักอาศัยอยู่บ้านลูกในกรุงเทพฯ คงต้องรอหน่วยงานในพื้นที่มาตรวจสอบและยืนยันโครงสร้างอีกครั้ง
ด้านนายพินิจ เติมบุญ นายก อบต.บ้านคลองสวน กล่าวว่า เบื้องต้น ได้ให้เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยปิดกั้นบริเวณที่เกิดเหตุไว้ พร้อมประชาสัมพันธ์ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในจุดเกิดเหตุดังกล่าว เกรงว่าบ้านจะถล่มลงมาทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งหลังจากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่โยธาจากจังหวัดสมุทรปราการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุโดยเร็ว เพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อนอีกทั้งจะจัดตั้งจุดช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมเยียวยาเจ้าของบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ส่วนสาเหตุเบื้องต้นนั้นสันนิษฐานว่า หมู่บ้านดังกล่าวได้สร้างมานานกว่า 20 ปี และโครงสร้างเก่า ทำให้ไม่สามารถรับน้ำหนักได้ จึงเกิดเหตุดังกล่าว