เจ้าหน้าที่ชุดเหยี่ยวดง กรมอุทยานฯ ติดตามจับขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติชาวเวียดนาม ใช้แผนแยบยลขนนกปรอทหัวโขนส่งออก สปป.ลาว
สัตว์ป่า วันนี้(9 ม.ค.2566) นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยกับทีมข่าว Ch7HD News ถึงกรณีการจับกุมขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าข้ามชาติว่า วานนี้(8 ม.ค.2566) ได้มอบหมายให้นายนาวี ช้างภิรมย์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (ชุดเหยี่ยวดง) และชุดปฏิบัติการพิเศษ 1362 ร่วมกับตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(กก.1 บก.ปทส.) ตรวจสอบข้อมูลตามที่ได้รับแจ้งจากมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ (Watchdog Thailand Foundation-WDT) ว่าพบเห็นการลักลอบขนย้ายสัตว์ป่า บริเวณหมู่บ้านสิธร ซอย 13 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร จึงจัดเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำความผิด
ด้านนายนาวี กล่าวกับทีมข่าว Ch7HD News ว่า คณะเจ้าหน้าที่ส่งกำลังเฝ้าตรวจสอบในพื้นที่เป้าหมาย จนพบการลักลอบขนส่งสัตว์ป่าโดยใช้รถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียนหมวด กทม. จนถึงเวลา 18.30 น. จนสะกดรอยตามรถคันดังกล่าวไป เดิมทีคาดว่ารถคันดังกล่าวจะเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดนทางภาคอีสาน แต่กลับพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวแล่นอยู่บนท้องถนน ในท้องที่เขตลาดพร้าว จนถึงบริเวณลานจอดรถทัวร์ ซอยรามอินทรา 14 แขวงจระเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ พบเห็นชายทราบชื่อภายหลังคือ นายเหงียน หยุย กุย สัญชาติ เวียดนาม อายุ 40 ปี เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะตู้ทึบ ดำเนินการขนกล่องซึ่งภายในคาดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเนื่องจากมีการเจาะรูเพื่อให้มีการระบายอากาศภายในกล่อง โดยทำการลำเลียงขึ้นรถโดยสารระหว่างประเทศ ยี่ห้อ ฮุนได สีฟ้า หมายเลขทะเบียนหมวดตัวอักษรประเทศลาว และมีชายทราบชื่อภายหลังคือ นายเหวียน ดิน ได สัญชาติ เวียดนาม อายุ 38 ปี และ นายเหวียน เทียน ทัน สัญชาติ เวียดนาม อายุ 39 ปี ช่วยกันลำเลียงขึ้นรถโดยสารระหว่างประเทศคันดังกล่าว โดยระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังช่วยกันยกกล่องจากรถยนต์กระบะตู้ทึบ เพื่อลำเลียงใส่รถโดยสารระหว่างประเทศ บริเวณช่องลับด้านหลังที่ดัดแปลงขึ้นสำหรับใช้ใส่กล่องที่มีขนาดใหญ่โดยไม่ให้สามารถมองเห็นได้จากภายนอก คณะเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่และร่วมกันตรวจค้น พร้อมกับจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน และของกลางหลายรายการประกอบด้วย
สัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกนก ชนิดนกปรอดหัวโขน จำนวน 21 ตัว (นกเผือก 1 ตัว ด่างขาว 10 ตัว ด่างสีเขม่า 2 ตัว และธรรมดา 8 ตัว) ราคาประเมินสัตว์ป่าของกลาง 123,000 บาท
กรงนก จำนวน 9 กรง
รถยนต์กระบะ จำนวน 1 คัน
รถโดยสารระหว่างประเทศ จำนวน 1 คัน
โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง
เต่าจมูกหมู เต่า Assam roofed งู และกิ้งก่า หลายชนิด รวมกว่า 1,000 ตัว
จากการสอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับว่าช่องที่ดัดแปลงดังกล่าวเป็นช่องที่ทำขึ้นเพื่อใส่ของต่าง ๆ รวมถึงกล่องที่บรรจุสัตว์ป่า โดยใช้ในการหลบเลี่ยงจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ โดยสัตว์ป่าต่างประเทศนั้น เจ้าตัวอ้างว่าซื้อมาจากตลาดนัดจตุจักร ส่วนนกปรอดหัวโขนจำนวน 21 ตัว ที่ตรวจยึดได้ อ้างว่ามีบุคคลไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดว่าจ้างให้ตนนำมาส่งให้ที่ หมู่บ้านสิธร ซอย 13 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปี กรุงเทพมหานคร โดยว่าจ้างกล่องละ 700 บาท และได้รับเงินค่าจัดส่งครั้งละ 4,000 บาท และจะได้รับค่าจ้างหลังจากที่จัดส่งสินค้าเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากที่ลำเลียงจากรถยนต์กระบะขึ้นรถโดยสารที่เช่าที่จอดไว้วันละ 500 บาท ซึ่งจอดอยู่ภายในบริเวณสถานที่เกิดเหตุดังกล่าว และจะลำเลียงขนส่งเพื่อไปประเทศลาวต่อไป
เบื้องต้น พบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาชาวเวียดนาม ทั้ง 3 คน ตามมาตรา 17 ฐาน“ร่วมกันมีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี” มีอัตราโทษตามมาตรา 92 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และควบคุมผู้ต้องหา พร้อมของกลางนกปรอดหัวโขน จำนวน 21 ตัว และอุปกรณ์การกระทำผิด ได้แก่ กรงนก จำนวน 9 กรง รถยนต์กระบะ จำนวน 1 คัน รถโดยสารระหว่างประเทศ จำนวน 1 คัน แบตโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปทส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ สำหรับสัตว์ป่าต่างประเทศที่ตรวจพบ คณะเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบพบว่าเป็นสัตว์ป่าควบคุมที่ไม่ต้องแจ้งการครอบครอง จึงไม่เป็นความผิดตามกฎหมายแต่อย่างใด ส่วนสัตว์ป่าคุ้มครองของกลาง นกปรอดหัวโขน จำนวน 21 ตัว และอุปกรณ์การกระทำผิด กรงนก จำนวน 9 กรง ขออนุมัติพนักงานสอบสวนส่งมอบให้กลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า นำไปดูแลและเก็บรักษา ตามระเบียบต่อไป