สเปนประกาศกลับมาใส่หน้ากากอนามัย หลังโควิด-19 ระบาดหนักอีกครั้งในยุโรป ขณะที่ หน่วยงานศูนย์ควบคุมโรคระบาดเตือนผู้ป่วยที่มีอาการหลีกเลี่ยงออกจากบ้าน
เมื่อวานนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสเปน ออกประกาศคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้งในสถานพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ที่เริ่มกลับมาระบาดในทวีปยุโรปอีกครั้ง โดยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว สเปนยกเลิกมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ซึ่งนับว่าเป็นประเทศในยุโรปกลุ่มสุดท้ายที่ยกเลิกการบังคับสวมหน้ากากอนามัย
อย่างไรก็ตาม คำสั่งกลับมาสวมหน้ากากอนามัยจะมีผลบังคับใช้ในภูมิภาคที่พบการระบาดมาก แต่สำหรับภูมิภาคที่การระบาดยังไม่รุนแรง คำสั่งนี้จึงเป็นเพียงคำแนะนำให้ประชาชนป้องกันตัวเองเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ โดยทางการท้องถิ่นของภูมิภาคต่าง ๆ จะสามารถยกเลิกข้อกำหนดสวมหน้ากากอนามัยได้ หากพบว่าการติดเชื้อลดลงต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์
ขณะที่ ศูนย์ควบคุมโรคระบาดของสเปนขอความร่วมมือผู้ป่วย หรือ ผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อ หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านเพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจาย นอกจากนี้ กรรมาธิการด้านสุขภาพของสหภาพยุโรปได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางที่ควรไปฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
ทั้งนี้ สถิติจากองค์การอนามัยโลกเผยว่า ตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 จนถึงช่วงสิ้นปี 2566 สเปนมีผู้ป่วยมากถึง 14 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสนี้ไปกว่า 120,000 คน