ผู้เสียหายร้อง ถูกครอบครัวผู้ใหญ่บ้าน บุกรุก ขู่ฆ่ายกครัว

View icon 108
วันที่ 12 ม.ค. 2567 | 16.36 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - "จ่าคิงส์" พาสองพี่น้องร้องกองปราบฯ หลังถูกนักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดถูเก็ต พาญาติทำลายทรัพย์สินถึงบ้านพัก ซ้ำยังขู่ฆ่ายกครัวมานานนับ 3 ปี ปมขัดแย้งที่ดิน ผู้เสียหายเดินสายทั้งแจ้งความร้องเรียนแต่เรื่องกลับเงียบ 

ผู้เสียหายมาร้องกองปราบฯ ขอให้ช่วยเหลือ หลังถูกกลุ่มเครือญาติของผู้ใหญ่บ้าน ในตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต บุกข่มขู่คุกคาม รุนแรงสุดคือถือขวานบุกมาหน้าบ้าน ขู่ฆ่ายกครัว

นางสาวแอน (นามสมมติ) อายุ 33 ปี เล่าว่า เมื่อปี 2563 ได้มีปัญหาขัดแย้งกับผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่ง จากข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน หลังผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวต้องการที่ดินของตนที่มีโฉนดถูกต้อง ในตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ไปเป็นของตนเอง จนมีการพาญาติ ๆ มาทำลายทรัพย์สินที่บ้านพัก รวมถึงพูดข่มขู่จะฆ่ายกครัวมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา จนไม่สามารถกลับเข้าไปอยู่บ้านตัวเองได้ ต้องปล่อยทิ้งร้าง

โดยพฤติกรรมของกลุ่มเครือญาติของผู้ใหญ่บ้านรายนี้ คือจะให้คนติดตามครอบครัวของตนตลอด พยายามข่มขู่ต่าง ๆ นานา ตนเองแจ้งความไปเกือบ 20 ฉบับ แต่เรื่องกลับเงียบ เพราะสารวัตรเจ้าของคดี ได้สายตรงไปถึงผู้ใหญ่บ้านคนนี้ หลังจากนั้นก็เกิดความรุนแรงหนักขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งกล้องวงจรปิดก็สามารถบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ของการกระทำอันป่าเถื่อนของกลุ่มดังกล่าวได้ทั้งหมด แต่กฎหมายกลับทำอะไรคนกลุ่มนี้ไม่ได้ แถมผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้มีอิทธิพลพยายามปิดข่าว และทำเอกสารปลอมให้ตนเองเข้าไม่ถึงหน่วยงานในจังหวัดในการร้องเรียนพฤติกรรม จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจาก จ่าคิงส์ แตงทิม เพื่อเข้าร้องตำรวจกองปราบฯ ในวันนี้ 

ด้าน นายเอ น้องชายของนางสาวแอน บอกว่า ตนมีหลักฐานการกระทำผิดเยอะมาก และที่อุกอาจไม่แพ้ถือขวานขู่หน้าบ้านคือ กลุ่มลูกน้องของผู้ใหญ่บ้านบุกเข้ามาเผาทำลายอุปกรณ์กล่องเชื่อมต่อสัญญาณกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ริมบ้าน จนเสียหายเกือบหมด

อยากให้กองปราบฯ ช่วยดำเนินคดีอย่างเร่งรัด และถูกต้องอย่างตรงไปตรงมา เพราะกองปราบฯ เป็นที่พึ่งสุดท้ายของครอบครัวตนแล้ว โดยผู้กระทำผิดเหิมเกริมท้าท้าย เพราะตำรวจไม่ดำเนินคดีอะไรเลย

ด้านจ่าคิงส์ฝากถึงรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย เพราะเข้าข่ายผู้มีอิทธิพลข่มขู่ชาวบ้าน และช่วยเหลือพวกพ้องเดียวกัน และที่สำคัญศูนย์ดำรงธรรมที่ควรช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน กลับปล่อยให้เอกสารร้องทุกข์ไปอยู่กับฝ่ายคู่กรณีเอาไปให้ประโยชน์ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง