พ่อค้าขายกระเป๋าตลาดนัด ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบ อุ้มรีดเงิน 2 หมื่น หน้าโรงพัก มีวงจรปิด

พ่อค้าขายกระเป๋าตลาดนัด ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบ อุ้มรีดเงิน 2 หมื่น หน้าโรงพัก มีวงจรปิด

View icon 171
วันที่ 15 ม.ค. 2567 | 08.33 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
พ่อค้าขายกระเป๋าตลาดนัด ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบ อุ้มรีดเงิน 2 หมื่น หน้าโรงพัก มีวงจรปิด

เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 14 ม.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนเพื่อขอความช่วยเหลือจาก นายต๊ะ ( นามสมุติ ) อายุ 39 ปี พ่อค้าขายกระเป๋าแฟชั่นในตลาดนัดแห่งหนึ่งว่า เมื่อเวลาประมาณ 4 โมงเย็นของวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่ตนเองกำลังเตรียมเปิดร้านขายของในตลาด ได้ถูกชายฉกรรจ์จำนวน 4 คน เดินเข้ามาหาที่ร้าน พร้อมกับโชว์บัตรให้ดูและอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เข้าทำการตรวจค้นภายในร้านตน ก่อนจะทำการรื้อค้นและหยิบเอากระเป๋าแฟชั่นยี่ห้อต่างๆ ประมาณเกือบ 20 ใบใส่ถุงดำไป จากนั้นได้พาตนขึ้นรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีดำ 4 ประตู ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว ไม่ได้แสดงเอกสารตัวแทนลิขสิทธิ์ใดๆ ให้ตนทราบเลยว่า ตนไปขายสินค้าหรือกระเป๋าใบใดที่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างว่าจะนำตนไปเปรียบเทียบปรับที่โรงพัก สภ.รัตนาธิเบศร์ โดยในระหว่างที่ตนขึ้นรถไปด้วยนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของตน เพื่อไม่ให้บันทึกเสียงหรือแอบถ่ายคลิปวิดีโอในขณะที่นั่งรถไปด้วย

นายต๊ะ เปิดเผยอีกว่า เมื่อรถของกลุ่มชายฉกรรจ์พาตนไปถึงโรงพักแล้ว ได้ขับวนรอบโรงพักก่อนจะพาออกไปจอดที่ริมถนนข้างโรงพักแล้วบอกกับตนว่า สามารถติดต่อใครให้มาเคลียร์ได้ไหม ถ้าไม่มีให้เสียค่าปรับได้ ตนจึงถามกลับไปว่าค่าปรับเป็นเงินเท่าไร ถ้าตนพอหามาจ่ายไหวก็จะจ่ายให้ แต่ถ้าเป็นจำนวนเงินที่สูงมากเกินไป ตนก็พร้อมถูกดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ทำให้ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่นั่งประกบตนอยู่บอกว่า ค่าปรับตรงนี้จำนวน 2 หมื่นบาท ให้ตนหาเงินมาจ่ายก็จบกันไป ตนเองจึงตัดสินใจโทรศัพท์ ขอหยิบยืมเงินจากแม่ยายจำนวน 2 หมื่นบาท มาโอนจ่ายเข้าบัญชีตามที่กลุ่มชายฉกรรจ์แจ้งมา ซึ่งหลังจากที่ตนโอนเงินให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ก็ปล่อยตัวลงมาจากรถ แต่เมื่อตนทวงกระเป๋าที่ถูกยึดมาด้วย ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้คืนให้ตนมาประมาณ 7 - 8 ใบเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 10 กว่าใบ เขาอ้างว่าต้องนำไปเป็นของกลาง เพื่อลงบันทึกจับกุม

นายต๊ะ ยังเปิดเผยอีกว่า ก่อนที่ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้จะขับรถออกไป ยังได้บอกกำชับกับตนเอาไว้ว่า หลังจากนี้เขาจะเข้ามาเก็บรายเดือนที่ร้านอีกด้วย แต่ยังไม่ได้บอกเรื่องจำนวนเงินแต่ให้ตนเตรียมเงินไว้ ทำให้หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเป็นต้นมา ตนเองกับภรรยาไม่กล้าเปิดร้านขายกระเป๋าอีกเลย เพราะไม่รู้ว่าจะถูกชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจกองปราบ ย้อนกลับมาจับตนอีกหรือไม่ ซึ่งไม่คุ้มกับค่าปรับที่เสียไป และด้วยความสงสัยว่า ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ที่อ้างตัวเป็นตำรวจแล้วเรียกเงินค่าปรับจากตนไป 2 หมื่นบาทเป็นตำรวจจริงหรือไม่ ตนจึงตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าว เนื่องจากหวาดกลัวว่าหากกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว เป็นตำรวจจริงก็เกรงว่าจะถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ปลอดภัยตามมา

อยากให้ทางผู้สื่อข่าวช่วยตรวจสอบบัญชีที่ตนโอนเงินค่าปรับไปให้รวมทั้งไลน์ที่กลุ่มชายฉกรรจ์ให้ตนใช้เป็นช่องทางติดต่อ เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ตนก็ไม่กล้าเปิดร้านขายกระเป๋าอีก ทำให้ปัจจุบันตนกับภรรยาไม่มีรายได้รวมทั้งยังไม่มีเงินจ่ายค่นที่หยิบยืมจากแม่ยายมาจ่ายค่าปรับให้กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวไป

หลังเกิดเหตุนายต๊ะ ได้เก็บภาพจากกล้องวงจรปิดร้าตรงข้ามไว้เป็นหลักฐาน โดยในภาพบันทึกภาพ นายต๊ะไดัเมื่อเวลา 16.11 น.สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ มีสกรีนสีขาวด้านหลัง กำลังนั่งไขกุญแจประตูเพื่อจะเปิดร้าน จากนั้นได้มีชายสวมเสื้อยืดสีดำ จำนวน 2 คน เดินเข้ามาที่ด้านหลัง พูดคุยซักถามนายต๊ะ จากนั้นมีชายสวมเสื้อแดง สวมแมส เดินมาที่ด้านข้างร้าน โดยมีชายเสื้อดำดินตามหลังไป ก่อนที่จะเดินกลับมารวมกลุ่มกับชาย 2 คนแรก จากนั้นนายต๊ะได้เดินออกจากร้านไป กลุ่มชายทั้ง 4 ได้เดินตามนายต๊ะให้กลับมาพูดคุย โดยมีชายเสื้อสีแดง แสดงบัตรอ้างว่าเป็นตำรวจกองปราบปราม  และให้นายต๊ะ นำชายเสื้อดำ 3  คน เข้าไปตรวจภายในร้าน ซึ่งหลังจากหายเข้าไปสักพัก ชายเสื้อดำได้หิ้วถุงพลาสติกใบใหญ่ ออกมาวางที่ด้านหน้าร้าน และใก้นายต๊ะ ปิดประตูร้าน ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตลาดสวมเสื้อขาวได้เข้ามาสอบถาม และเจรจา แต่ไม่สำเร็จ ชายทั้ง 4 ได้พานายต๊ะ พร้อมถุงพลาสติกเดินออกจากร้านไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง