เวลา 12.56 น. วันนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จไปยังอาคารวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ทรงบรรยายพิเศษ เรื่อง การเกิดโรคมะเร็ง หรือ Oncogenesis พระราชทานแก่คณาจารย์ นักวิชาการ และนักศึกษาแพทยศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน เป็นวันแรก เพื่อสร้างองค์ความรู้ และแนวทางการศึกษา การวิจัย และการพัฒนาการรักษามะเร็งขั้นพื้นฐานแก่บุคลากร และองค์กรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการแพทย์และสาธารณสุขในอนาคต ปัจจุบัน เชื่อว่ามะเร็งเกิดได้ 2 รูปแบบ คือ จากการกลายพันธุ์ของเซลล์ปกติที่ถูกทำลาย หรือเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอโดยตรงจากสาร "อะฟลาท๊อกซิน" ที่พบในเมล็ดธัญพืช และสาร "ไนโตรซามีน" ที่พบในปลาร้า กะปิ และจากการเปลี่ยนแปลงในระบบที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการแสดงออกของยีนจนกลายเป็นมะเร็ง
สำหรับชีววิทยาของเซลล์มะเร็ง จะมีการแบ่งตัวอย่างไม่หยุดยั้ง และเพิ่มจำนวนอย่างไม่สิ้นสุด ทำให้เกิดการแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย นำมาซึ่งปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสัตว์ นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประเทศ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทรงให้ความสำคัญกับการศึกษา ค้นคว้า วิจัย เพื่อนำมาพัฒนาการป้องกัน และรักษามะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยร่วมมือกับสถาบันชั้นนำระดับประเทศ และระดับโลก คิดค้นวิธีการตรวจวินิจฉัย ตลอดจนการพยากรณ์ที่แม่นยำ เพื่อนำผลสำเร็จมาใช้รักษาผู้ป่วยให้มีชีวิตยืนยาว สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
วิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ตั้งขึ้นเพื่อสนองพระปณิธาน ในการยกระดับการศึกษาด้านการแพทย์ และวิทยาศาสตร์สุขภาพของไทย เป็นสถาบันผลิตแพทย์ และพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสำคัญต่อความต้องการของประเทศ พร้อมบูรณาการองค์ความรู้ทุกแขนงกับองค์กรสาธารณสุข และสถาบันชั้นนำในการวิจัย พัฒนา และป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเป็นโรงเรียนแพทย์ลำดับที่ 23 ของไทย ได้รับการรับรองตามเกณฑ์มาตรฐานสากลของ World Federation for Medical Education โดยสถาบันรับรองมาตรฐานการศึกษาแพทยศาสตร์และแพทยสภา
ทั้งนี้จะทรงบรรยายพิเศษเรื่องการเกิดโรคมะเร็ง หรือ Oncogenesis แก่นักศึกษาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน 6 หัวข้อ ซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานหลักที่สำคัญ ตั้งแต่กระบวนการและขั้นตอนการเกิดมะเร็ง จนถึงการรักษาผู้ป่วยแบบมุ่งเป้า และการพัฒนายารักษามะเร็ง เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาในอนาคต
