คดีป้ากบ ถ้าลงโทษเหมือนผู้ใหญ่ โทษคือประหาร สารภาพลดโทษ ติดคุกจริงอาจมี 25 ปี พ้นโทษออกมายังเหลือเวลาทำร้ายสังคมได้ตลอด อาชญากรรมจะเพิ่มแบบทวีคูณ อดีตอธิบดีกรมพินิจฯ แนะปัดฝุ่นแนวคิดเคอร์ฟิวเด็ก พ่อแม่เข้าข่ายส่งเสริมสนับสนุน
คดีป้ากบหรือป้าบัวผัน สังคมเรียกร้องให้เพิ่มโทษ หรือลงโทษเด็กผู้ก่ออาชญากรรมรุนแรงเสมือนเป็นผู้ใหญ่ วันนี้ (17 ม.ค.67) นายธวัชชัย ไทยเขียว กรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ ในฐานะอดีตอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ให้ความเห็นกับ CH7HD ว่าหากต้องการให้เด็กรับโทษในคดีอาญาเท่ากับผู้ใหญ่ คดีป้ากบโทษคือประหารชีวิต จำเลยรับสารภาพอาจได้รับการลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุก 50 ปี ระหว่างติดคุกอาจได้รับการลดวันต้องโทษตามสัดส่วน เวลาที่ติดคุกจริงอาจเหลือ 25 ปี หากขณะก่อเหตุอายุ 13 ปี เขาจะพ้นโทษออกมาเมื่ออายุ 37-38 ปี เหลือเวลาทำร้ายสังคมได้ตลอด
“คำถามคือสังคมต้องการคนที่จะมาเป็นทรัพยากรของชาติ หรือคนไม่มีคุณภาพ เด็กทำผิดเพราะเขาไม่รู้ว่าผิด หากเราเอาเขาไปติดคุก 20-30 ปี พ้นโทษออกมาเขาอาจเกิดความแค้น เป็นพฤติกรรมย้อนกลับทำร้ายสังคมมากกว่าเดิม จะเกิดอาชญากรรมที่ทำร้ายสังคมเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ”
นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า อาชญากรรมร้ายแรงที่สุดกระทำโดยเด็ก เพราะเด็กไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดของเหยื่อ ทำลงไปเพื่อเรียกร้องความสนใจ เรียกร้องการยอมรับจากกลุ่มเพื่อนว่า “เจ๋ง” คนที่เสนอให้เพิ่มโทษเด็ก ลงโทษให้เหมือนเป็นผู้ใหญ่ ใช้แต่ความเห็นและประสบการณ์เดิมๆ ไปยกกฎหมายของประเทศที่ไม่ยอมรับอนุสัญญาเด็กมาเทียบเคียง หรือแม้แต่กฎหมายในสหรัฐอเมริกา ก็เป็นเพียงบางรัฐเท่านั้น ที่มีโทษประหารชีวิตเด็ก เนื่องจากเด็กมีโอกาสเข้าถึงปืนได้ แต่โทษประหารจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ส่วนกฎหมายไทย หากเยาวชนอายุ 17 ปี กระทำผิดอุกฉกรรจ์ร้ายแรง สามารถร้องขอให้พิจารณาคดีในศาลยุติธรรม เสมือนเป็นผู้ใหญ่ได้
นายธวัชชัย กล่าวด้วยว่า คดีป้ากบ ผู้ปกครองปล่อยให้เด็กออกนอกบ้านในเวลากลางคืน และยังปล่อยให้เด็กขับขี่รถจักรยานยนต์ พ่อแม่เข้าข่ายส่งเสริมสนับสนุนหรือไม่ กรณีเด็กมีพฤติกรรมเสียหาย พ่อแม่ดูแลไม่ได้หรือเลี้ยงดูไม่เหมาะสม ต้องส่งให้ไปอยู่ในการดูแลของสถานคุ้มครองสวัสดิภาพ แต่ยังมีปัญหาคือสถานที่เหล่านี้มีไม่เพียงพอ
“ความรุนแรงที่สะท้อนออกมา เป็นอาการฝีแตก องค์กรที่มีหน้าที่ดูแลเด็ก กระทรวงพัฒนาสังคมฯ (พม.) กระทรวงศึกษาฯ (ศธ.)และกรมสุขภาพจิต ต้องคิดวิเคราะห์ด้วยกัน ปัจจุบันสถิติเด็กกระทำผิดลดน้อยลงจากสมัยที่ผมเป็นอธิบดีกรมพินิจฯ แต่คดีมีความรุนแรงมากกว่า ที่ผ่านมา มีแนวคิดเรื่องเคอร์ฟิวเด็ก ห้ามออกจากบ้านหลัง 4 ทุ่ม ก็ถูกคัดค้าน หรือไม่ได้รับความสนใจ เด็กจะเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เป็นคนดูแลสังคมในอนาคต ถ้าเด็กที่ได้รับความเสียหาย กว่าจะฟื้นฟูหรือกู้กลับมาได้ต้องทำมากกว่าปกติถึง 7 เท่า”