ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ผู้เสียหาย 13 ราย ส่งตัวแทนมาร้องกองปราบฯ ขอให้ช่วยตามรถยนต์คืน หลังนำรถยนต์ไปจำนำกับเพจเฟซบุ๊ก แต่พอจะไถ่ถอนคืน กลับติดต่อเจ้าของเพจไม่ได้ พอไปตรวจสอบ เจ้าของเพจอ้างว่ามีคนอื่นมาทำสัญญารับรถไปแล้ว ผู้เสียหายเชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ
เมื่อเช้านี้ นายพิสุทธิ์ เกิดสุข ผู้เสียหายในคดีนี้ และเป็นตัวแทนรับมอบอำนาจผู้เสียหายรายอื่นในคดีนี้ เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม กรณีถูกขบวนการหลอกรับจำนำรถติดไฟแนนซ์ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท จะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ช่วยเหลือเร่งรัดคดี
นายพิสุทธิ์ เปิดเผยว่า ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แม่ป่วยหนัก จำเป็นต้องใช้เงินรักษา จึงตัดสินใจนำรถยนต์กระบะโตโยต้า รีโว่ สีขาว ที่ยังผ่อนชำระกับไฟแนนซ์อยู่ ไปรีไฟแนนซ์ แต่จะต้องรออนุมัติ 3 วัน ถึงจะได้เงิน ตนจึงรอไม่ได้ ตนจึงค้นหาสินเชื่อที่ได้เงินเร็วในเฟซบุ๊ก พบว่ามีบัญชีเฟซบุ๊กที่ชื่อว่าบริษัททรัพย์มั่งมี รับจำนำรถยนต์แบบจอด ดอกเบี้ยต่ำ จำนำง่าย ไม่มีค่าเอกสาร ค่าดำเนินการ รถไม่ใช่ชื่อตนเองก็จำนำได้ ค้างค่างวด ติดไฟแนนซ์ ก็จำนำได้ ที่จอดปลอดภัย ไถ่ถอนได้ อยู่ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ที่ตนอาศัยอยู่พอดี
ตนจึงติดต่อขอกู้เงินตามที่เขาโฆษณาไว้ โดยตกลงทำสัญญาจำนำรถยนต์ในราคา 60,000 บาท นัดส่งมอบรถกันที่ปั๊มน้ำมัน ข้างฟาร์มจระเข้ จังหวัดนครปฐม ในวันที่ 6 ธันวาคม 2566 เมื่อถึงวันเวลานัดหมาย ก็มีชายปิดบังใบหน้าเอาเงินมาให้จำนวน 60,000 บาท และได้ทำสัญญารับรถกัน แล้วคนรับจำนำก็ขับรถยนต์ของตนออกไป พร้อมเอาเอกสารสำเนารถ กับสำเนาบัตรประชาชนตนไปด้วย
ต่อมา เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2566 ตนเองได้พบน้องคนหนึ่ง โพสต์เฟซบุ๊กตามหารถยนต์ ตนเองจึงเข้าไปถามว่ารถหายได้อย่างไร น้องคนนั้นได้ตอบมาว่า ได้นำรถไปจำนำในเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า "บริษัททรัพย์มั่งมี" ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับตนเองเลย ตนจึงติดต่อไปยังเพจบริษัทดังกล่าว ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ ตนรู้ทันทีว่าบริษัทดังกล่าวน่าจะเป็นมิจฉาชีพ ตนจึงไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ
จากการตรวจสอบพบว่า บุคคลที่มารับรถยนต์ของตนไป ได้ใช้บัตรประชาชนของลูกค้าคนอื่นมาทำสัญญา และตำรวจได้ไปพบรถของตนเองเข้าไปจอดใช้บริการอยู่ในปั๊มน้ำมันที่จังหวัดอำนาจเจริญ ในวันที่ 14 ธันวาคม 2566 แสดงว่ารถตนเองจอดกับแก๊งมิจฉาชีพได้เพียง 12 วัน ก็นำรถตนเองส่งขายประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
หลังจากตนได้นำเรื่องราวดังกล่าวโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ได้มีผู้เสียหายจำนวนมากติดต่อเข้ามา ว่าถูกบริษัทนี้หลอกลวงเช่นกัน สิ่งที่ตนเองกลัวอีกเรื่องก็คือ เกรงว่าเอกสารข้อมูลส่วนตัวของตนจะถูกมิจฉาชีพกลุ่มนี้นำไปใช้ในการกระทำผิด หรือนำไปใช้หลอกลวงผู้อื่นต่อไปอีก
ตนเชื่อว่าคนร้ายทำกันเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ ตั้งแต่การโฆษณา ให้ประชาชนโดยทั่วไปนำรถในครอบครองมาจำนำ ในอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ร้อยละ 2 บาท แม้จะติดสัญญาการเช่าซื้อจากผู้อื่น โดยอ้างว่าจะเก็บรักษารถไว้เป็นอย่างดี เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ก็จะนัดรับรถในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ซ้ำกัน และนำเงินค่าจำนำรถมอบให้กับผู้เสียหายคันละ 20,000-150,000 บาท พอครบกำหนดไถ่ถอนจะบ่ายเบี่ยง สุดท้ายเชิดรถหนีไป ปัจจุบันเพจดังกล่าวมีผู้ติดตามกว่า 10,000 คน และยังมีการเปิดบริการรับจำนำรถยนต์อยู่ เกรงว่าจะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นอีก
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายเพิ่ม เพื่อดำเนินการหาทางช่วยเหลือติดตามรถคืนต่อไป
