ห้องข่าวภาคเที่ยง - พ่อเยาวชนชาย อายุ 16 ปี ที่เคยไปร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจ สภ.อรัญประเทศ ขอความเป็นธรรมที่ลูกชายถูกเยาวชนกลุ่มเดียวกับผู้ต้องหาฆ่า "ป้าบัวผัน" ฆาตกรรม นำหลักฐานมาร้องขอให้ DSI ช่วยรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ เพราะเรื่องไม่คืบหน้ามานานกว่า 2 ปี สำนวนคดีไปไม่ถึงอัยการ ทั้งที่คดีแพ่ง ศาลพิพากษาแล้ว
"กัน จอมพลัง" พาพ่อของเยาวชนชายรายนี้ ไปร้องขอความเป็นธรรมกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพื่อขอให้ช่วยสืบสวนคลี่คลายข้อเท็จจริง นำตัวเยาวชน "ทั้งหมด" ที่ก่อเหตุฆ่าลูกชายมาลงโทษตามกฎหมาย
พ่อของเยาวชน บอกว่า ที่ผ่านมาตำรวจ สภ.อรัญประเทศ บอกว่า พบตัวผู้ก่อเหตุแค่ 3 คน แต่ตนได้เห็นพยานหลักฐานแล้ว ยืนยันว่ามีมากกว่านั้น เพราะเห็นรถจักรยานยนต์ที่เข้ามาจุดเกิดเหตุประมาณ 10 คัน อีกทั้งคดีนี้ผ่านมานานกว่า 2 ปี แล้ว ความคืบหน้าคดีกลับไม่ไปถึงไหน ไม่มีการนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องอัยการ เปรียบเทียบกับคดีทางแพ่งของตน ที่ได้ให้ทนายความส่วนตัวฟ้องร้องผ่านศาลแพ่ง ศาลยังมีคำพิพากษาให้ชดใช้เงินเรียบร้อยแล้ว จึงตั้งข้อสังเกตว่าคดีดังกล่าวอาจมีการช่วยเหลือกัน และพนักงานสอบสวนที่เคยทำคดีนี้ ก็ถูกให้ไปช่วยราชการอยู่ที่อีกสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง
นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่า กลุ่มแก๊งดังกล่าวไม่ได้กลัวเกรงกฎหมาย ที่ผ่านมาพยายามมารังควานตนเองอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่ในงานศพของลูกชาย หรือที่ทำงานของตนเอง เอาประทัดมาปาเพื่อสร้างความปั่นป่วน หรือเบิ้นเสียงรถจักรยานยนต์ข่มขู่อยู่เรื่อย ๆ จนตนเองต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัว และย้ายไปอาศัยอยู่กับญาติ
ขณะที่ "กัน จอมพลัง" บอกว่า ตั้งแต่ที่รับเรื่องและลงพื้นที่ไปติดตาม ก็มีตำรวจมากระซิบบอกว่า ถ้าตนเองไม่ลงมา คดีคงไม่มีความคืบหน้าเหมือนกับคดีอื่น ๆ ขณะเดียวกันก็ตั้งข้อสังเกตว่า จุดเกิดเหตุ และจุดที่พบศพ เป็นจุดเดียวกับที่พบศพ "ป้าบัวผัน" อยู่ในสระน้ำ ถูกฟันด้วยของมีคมและของแข็ง จึงอยากขอให้ DSI ช่วยรับคดีนี้ไปตรวจสอบ และให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย และบอกด้วยว่ายังมีผู้เสียหายอีกมากที่ร้องเรียนว่าถูกเยาวชนกลุ่มนี้รังควาน
ขณะที่ พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ในฐานะ โฆษก DSI บอกว่า ตามกฎหมายแล้วจะมี 4 หน่วยงานที่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริง และสืบสวนสอบสวน กรณีความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ได้ โดยมี DSI เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่รับตรวจสอบเรื่องนี้ได้ ซึ่งที่ผ่านมา DSI ได้ส่งชุดสืบสวนสอบสวนไปลงพื้นที่เก็บพยานหลักฐานตั้งแต่คดีของ ลุงเปี๊ยก และป้าบัวผัน แล้ว ต้องรออีกระยะว่าจะรับเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ ส่วนกรณีของผู้เสียหายที่มาร้องวันนี้ จะรับไว้ตรวจสอบและแยกเป็นอีก 1 สำนวนคดี ดำเนินการควบคู่กันไป
ส่วนเรื่องความคืบหน้ากลุ่มเยาวชนที่ใช้ชื่อว่า "แก๊งทรายทอง" ที่ทำร้ายเยาวชนอายุ 13 ปี ในจังหวัดนนทบุรี หลังจากที่เมื่อวานมี 2 คน โผล่เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ แล้ว
วันนี้ก็มีผู้เสียหายอีก 1 คน อายุ 18 ปี ที่ถูกเยาวชนกลุ่มนี้ดักทำร้ายจนนิ้วขาด ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา เข้ามาขอให้ "เพจสายไหมต้องรอด" ช่วยเหลือ โดยผู้เสียหายยืนยันว่า ตนเองไม่เคยรู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ เหตุที่เกิดขึ้นกับตนเองค่อนข้างเป็นกังวล เพราะทราบข่าวมาว่ามีหลากหลายวีรกรรม เคยแจ้งความไปแล้ว ยังไม่เห็นความคืบหน้า กลัวว่าจะถูกดักทำร้ายอีก จึงมาขอความช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวก็สอบถามกับทาง พันตำรวจเอก พิสุทธิ์ จันทรสุรรรณ ผู้กำกับการ สภ.รัตนาธิเบศร์ บอกว่า ตอนนี้มีรายชื่อของเยาวชน 7 คน ที่ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการติดตามตัว และจะเร่งรัดเรียกทั้งหมดเข้ามาพบภายในวันนี้ หากไม่มาตามหมายเรียกก็จะออกหมายจับทันที ซึ่งทั้ง 7 คนนี้ โดนดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย
ส่วน นายตี๋ อายุ 19 ปี ซึ่งถือว่าเป็นผู้ใหญ่เพียงคนเดียวใน 7 คนนี้ อยู่ระหว่างการติดตามตัว มาสอบสวนเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังยืนยันว่าตอนนี้ได้ตั้งทีมชุดปฏิบัติการ เพื่อจะทำลาย "แก๊งทรายทอง" ขึ้นมาโดยเฉพาะด้วย