วันนี้ (22 ม.ค.67) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า แนวทางการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประจำปี 2567 จะใช้อัตราที่จัดเก็บปัจจุบัน ซึ่งก่อนหน้านนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงมหาดไทย ขยายกำหนดเวลาการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำปี 2567 ออกไปอีก 2 เดือน เพื่อบรรเทาภาระภาษีให้กับประชาชน จากเดิมที่ผู้เสียภาษีจะต้องเสียภาษีภายในเดือนเม.ย. 67 ไปเป็นภายในเดือนมิ.ย. 67
สำหรับการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ได้แก่
ที่ดินเกษตรกรรม จัดเก็บ 0.01-0.1%
ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย จัดเก็บ 0.02-0.1%
ที่ดินอื่นๆ เช่น การพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม จัดเก็บ 0.3-0.7%
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ จัดเก็บ 0.3-0.7%

ด้าน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า ในปี 2567 เก็บในอัตรา 100% ไม่มีลดหย่อนเหมือนปี 2566 ที่ลดให้ 15% เพื่อลดภาระงบประมาณภาครัฐที่ต้องจัดสรรงบมาชดเชยให้กับหน่วยงานท้องถิ่น คาดจะเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 2567 ได้ประมาณ 41,459 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ เดือนธันวาคม ปี 2566 ที่ผ่านมา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ซักซ้อมขั้นตอนการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำปี 2567 เพื่อให้การจัดเก็บเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้อง และถือปฎิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน โดย “อัตราภาษี 2567” โดยให้ใช้อัตราคงเดิมเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2564 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่ปีภาษี 2565
“กรณีที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่า หรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ 3 ปีติดต่อกัน ในปีที่ 4 จะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.3 จากอัตราภาษีที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกากำหนด อัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2564 ทั้งนี้จะต้องเป็นกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการแจ้งการประเมินภาษีโดยส่งแบบประเมินภาษีเป็นประเภททิ้งไว้ว่างเปล่า หรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน ในปีที่ 4 จึงจะปรับอัตราเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.3 จากอัตราภาษีที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2564
สำหรับการลดและการยกเว้นภาษี
1.ให้พิจารณาลดภาษีในอัตราร้อยละ 50 และร้อยละ 90 สำหรับทรัพย์สินบางประเภท ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2563 ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท (ถ้ามี) ทั้งนี้ การลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะลดเกินกว่าอัตราร้อยละ 90 มิได้
2.ผู้บริหารท้องถิ่นโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัดมีอำนาจลดหรือยกเว้นภาษีที่ดินให้แก่ผู้เสียภาษี โดยพิจารณาตามระยะเวลาประกอบกับสัดส่วนความเสียหาย ตามตัวอย่างการพิจารณาลดหรือยกเว้นภาษีใน 2 กรณี ได้แก่
1.กรณีมีเหตุพ้นวิสัยที่ยากจะป้องกันได้โดยทั่วไป เช่น อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ภัยแล้ง ภาวะฝนแล้งฝนทิ้งช่วง ภัยจากลูกเห็บ ไฟป่า โรคระบาดของแมลงหรือศัตรูพืช อากาศหนาวจัด ภัยสงคราม ภัยจากการก่อการร้าย เป็นต้น ไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติ หรือมีบุคคลหรือสัตว์ทำให้เกิดขึ้นซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง เมื่อเหตุดังกล่าวได้ยุติลงแล้วให้ประกาศให้ผู้เสียภาษีมาลงทะเบียน และประกาศรายชื่อผู้มาลงทะเบียน พร้อมทั้งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่สำรวจความเสียหาย เพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อผู้เสียภาษี จำนวนพื้นที่ และสัดส่วนของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับความเสียหาย และจำนวนภาษีที่เห็นควรลดหรือยกเว้น ภาษีตามหลักเกณฑ์เสนอคณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัดหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้วแต่กรณีพิจารณาให้ความเห็นชอบตามรอบระยะเวลาที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยกำหนด
2.กรณีมีเหตุนอกจากข้อ (1) ทำให้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างเฉพาะรายได้รับความเสียหาย หรือถูกรื้อถอนหรือทำลาย หรือชำรุดเสียหายจนเป็นเหตุให้ต้องซ่อมแซมในส่วนสำคัญโดยมิได้มีเหตุมาจากผู้เสียภาษี (พิจารณาตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่)ให้ผู้เสียภาษีมายื่นคำร้องภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหายฯ พร้อมทั้งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่สำรวจความเสียหาย เพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อผู้เสียภาษี จำนวนพื้นที่ และสัดส่วนของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งได้รับความเสียหาย และจำนวนภาษีที่เห็นควรลดหรือยกเว้นภาษีตามหลักเกณฑ์เสนอคณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัดหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้วแต่กรณีพิจารณาให้ความเห็นชอบตามรอบระยะเวลาที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยกำหนด