ผกก.ห้วยขวาง เผย หลักฐานบ่งชี้ เน็ตไอดอลสาว “หวานเจี๊ยบ” เสียชีวิต ฝีมือ "เฮียชัช” รอผลนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันอีกครั้ง พร้อมแจง เหตุการณ์ทำร้ายเพื่อนชายผู้ตาย เป็นคดีนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุดเพิ่งส่งเรื่องให้ตำรวจ
ความคืบหน้าคดียิง น.ส.ธมลวรรณ หรือ "หวานเจี๊ยบ" เน็ตไอดอลสาว ที่มีผู้ติดตามหลักแสนคน ล่าสุด วันนี้ (23 ม.ค.67) พ.ต.อ. ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก. สน.ห้วยขวาง ยืนยันว่า ตำรวจตั้งข้อสงสัยตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว เพราะมีความผิดปกติหลายอย่าง ทั้งสภาพศพของผู้เสียชีวิต , ลักษณะการถืออาวุธปืนที่ถืออยู่ในมือซ้าย ทั้งที่ผู้เสียชีวิตเป็นคนถนัดขวา รวมถึงการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ข้อมูลมาเกือบทั้งหมดยกเว้น นายติณห์ หรือ "เฮียชัช" อายุ 41 ปี ชายคนสนิทของผู้เสียชีวิต และเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้
จึงให้ฝ่ายสืบสวนติดตามจนทราบว่า เฮียชัช ออกจากคอนโดฯ ที่เกิดเหตุไปเมื่อเวลา 6.37 น. ของวันที่ 20 ม.ค.67 ซึ่งเป็นเช้าวันเสาร์ ก่อนจะไปพักอยู่ที่คอนโดฯ แห่งหนึ่ง ย่านสนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนนำหมายเรียกพยาน ไปเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งก็เคาะประตูอยู่ 2-3 รอบ แต่ก็เงียบ ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นภายในห้อง 1 นัด ไม่รู้ว่ายิงออกมาที่ประตู หรือยิงไปที่ไหน จึงขอกำลังตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ เข้าไปในห้อง ก็พบ "เฮียชัช" นอนหายใจรวยริน ก่อนจะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
ส่วนในทางคดีหลักฐานค่อนข้างชี้ชัดว่า "เฮียชัช" คือผู้ก่อเหตุในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง แต่ตำรวจต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ และผลการชันสูตรศพผู้เสียชีวิต รวมถึงผลการตรวจที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะภาพเขม่าดินปืน และรถที่จอดใต้คอนโดฯ ย่านสนามบินน้ำ หากบ่งชี้ว่าเป็นผู้ก่อเหตุชัดเจน พนักงานสอบสวนก็จำเป็นต้องมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากผู้ก่อเหตุเสียชีวิตแล้ว
ส่วนประเด็นที่ครอบครัวติดใจเรื่องที่ตำรวจไม่จับกุม "เฮียชัช" ในคดีที่ทำร้ายเพื่อนชายของ "หวานเจี๊ยบ" นั้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นความผิดที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร อำนาจการสอบสวนเป็นของอัยการสูงสุด โดยอัยการสูงสุดเพิ่งส่งเรื่องกลับมาให้ตำรวจดำเนินการต่อเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และตำรวจเพิ่งยืนยันตัว "เฮียชัช" ได้ ก็มาเกิดเรื่องนี้ขึ้นเสียก่อน โดยคดีนั้นอัยการตั้งข้อหา ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งนอกจาก "เฮียชัช" แล้ว ยังมีคนไทยร่วมก่อเหตุอีกอย่างน้อย 1 คน ที่ต้องสืบสวนหาตัวมาดำเนินคดี ยืนยันว่าคดีนี้ยังอยู่ในกรอบเวลาตามกฎหมาย
สำหรับประเด็นเรื่องพนันออนไลน์ที่ "เฮียชัช" เข้าไปพัวพัน และมีหนี้สินติดตัวเป็นร้อยล้าน เนื่องจากเป็นคำบอกเล่าของพยาน ต้องรอเรียกตัวเพื่อนของผู้เสียชีวิตมาให้ปากคำ ส่วนเรื่องอาวุธปืนที่พบในที่เกิดเหตุ เป็นปืนขนาด 9 มม. มีชื่อบุคคลอื่นเป็นผู้ครอบครอง ไม่ใช่ปืนของ "เฮียชัช" จึงต้องรอเรียกตัวเจ้าของปืนมาสอบสวน ถึงจะทราบว่าเพราะเหตุใดปืนกระบอกนี้จึงไปอยู่กับ "เฮียชัช" และทำไมถึงมาอยู่ในที่เกิดเหตุได้