ห้องข่าวภาคเที่ยง - แม่ของ "สายหมอก" ยอมรับว่ากังวลที่ "ดาบแป๊ะ" ได้รับการประกันตัวออกมา กลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่หากประสงค์จะมาขอขมาศพ ก็ยินดีที่จะให้อภัย เพียงแต่ยังมีเรื่องคาใจว่าทำไมต้องยิง ทั้งที่ลูกชายยกมือไม่สู้ ส่วนที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่า คดีนี้คล้ายกับคดี "ลุงวิศวะ" หรือไม่
หลังจากที่เมื่อวานนี้ ตำรวจคุมตัว ดาบตำรวจ เกียรติพงษ์ หรือ ดาบแป๊ะ ผู้บังคับหมู่ฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร ผู้ต้องหาคดียิงนายธิติวัฒน์ หรือ สายหมอก เสียชีวิตหน้าบ้านพักในซอยรัชดาภิเษก 3 เมื่อช่วงเย็นวันพุธที่ผ่านมา ไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังใน 3 ข้อหา ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ และยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร กับดาบแป๊ะ พร้อมยื่นคัดค้านการประกันตัว ก่อนที่ต่อมาศาลจะอนุญาตให้ดาบแป๊ะประกันตัว โดยวางหลักทรัพย์เป็นเงิน 300,000 บาท
ทีมข่าว 7HD ลงพื้นที่ไปคุยกับ นางทอง แม่ของนายสายหมอก ก็เปิดใจยอมรับว่า ตอนนี้ค่อนข้างกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะตนเป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดา ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นถึงตำรวจ แต่หากดาบแป๊ะอยากจะมาขอขมาศพน้องหมอก ก็ยินดีที่จะให้อภัย แต่ขณะเดียวกันก็อยากถามว่า ทำไมต้องยิงลูกชายตนเอง ทั้งที่ตอนนั้นลูกก็ยกมือแสดงสัญลักษณ์ว่าไม่สู้แล้ว
ส่วน นางสาวแอน หลังเกิดเหตุก็มีท่าทีลุกลี้ลุกลน ขอเบอร์โทรศัพท์ของแม่ไป จากนั้นก็เก็บข้าวของออกจากบ้าน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ติดต่อมา จึงคาใจเช่นกันว่าทำไมถึงไม่มาดูลูกชายตนเอง ไม่ยอมออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับสังคม ไหนจะโทรศัพท์ของลูกที่หายไปอีก
ด้าน พันตำรวจเอก ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้เหลือเพียงขั้นตอนการสอบสวนเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ทั้งที่ยังต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ ผลการชันสูตรพลิกศพอย่างเป็นทางการ รวมถึงผลการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของดาบแป๊ะ และพ่อเลี้ยงของนางสาวแอน ที่ตามไปด้วยกัน ส่วนพยานแวดล้อมทั้ง 6 ปาก หากพนักงานสอบสวนมีประเด็นใดที่ยังสงสัย ก็จะเรียกมาสอบปากคำอีกครั้ง ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของนางสาวแอนกับพ่อเลี้ยง จากการสอบปากคำพยาน ยังไม่พบข้อพิรุธว่าอาจมีความสัมพันธ์อื่น
ขณะที่ พลตำรวจตรี อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ยืนยัน จะมีการพิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องการลงโทษทางวินัยดาบแป๊ะ แต่ยังต้องรอผลการสอบสวนจากตำรวจนครบาล 1 ส่งมาก่อน
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า คดีนี้ช่างละม้ายคล้ายเหมือนกับคดีลุงวิศวะ ที่ผู้ต้องหายิงผู้เสียชีวิตจากในรถเหมือนกัน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ บอกว่า แค่คล้ายแต่ไม่เหมือนกัน ที่ต่างกันก็คือ คดีลุงวิศวะ ผู้เสียชีวิตทำร้ายลุงวิศวะในรถก่อน จะเกิดการยิงเพื่อป้องกันตัว และศาลพิพากษาว่า ป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ แต่ดาบแป๊ะ ตามข่าวที่ปรากฏ ตัวอยู่ในรถ มีการล็อกรถไว้ คล้ายกับในอดีตที่เคยมีคดีทำนองนี้มาแล้ว
สุดท้ายนี้ ทนายเดชาได้ขอฝากเตือนว่า ถ้าหากประชาชนคนใดตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ขอให้ล็อกประตูรถ เอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่าย ร้องขอความช่วยเหลือ หรือรีบขับรถหนีออกไปให้ไกล