สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 แถลงปิดคดีฆาตกรรมเศรษฐินีนามสกุลดังเมือนจันท์ เบื้องต้นพบผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุ 2 คน คือ เจ๊ปุ้ย และนายกฤษ ส่วนปมเหตุเพื่อล้างหนี้ 30 ล้านบาท
ต้องบอกว่าเคสนี้ตำรวจสามารถปิดคดีได้เร็ว และจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด หลังเมื่อวันที่ 24 มกราคม ชุดสืบสวน สภ.มะขาม ได้คุมตัวนายกฤษ ผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในคดีนี้มาสอบสวนอย่างละเอียด แบบข้ามวันข้ามคืน จนสุดท้ายนายกฤษยอมรับสารภาพว่าได้ร่วมกับนางโสมสุดา รวมกันฆ่านางสาวปนิฐิ โกศลานันท์ อายุ 77 ปี หรือเจ๊ม่วย เศรษฐินีเมืองจันท์จริง
จากนั้นจึงมีการประสานให้ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ตามไปจับกุมเจ๊ปุ้ยไว้ได้ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี หลังก่อเหตุแล้วหลบหนีมากบดาน เตรียมข้ามฝั่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งต่อมาเจ๊ปุ้ยยอมรับสารภาพหมดเปลือก ถึงปมการก่อเหตุครั้งหนี้
หลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.เขมราฐ คุมตัวเจ๊ปุ้ยมามอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.มะขาม จังหวัดจันทบุรี เจ้าของพื้นที่ จึงได้นำตัวเจ๊ปุ้ยไปชี้จุดเผาเสื้อผ้าวันเกิดเหตุเพื่อทำลายหลักฐาน ในพื้นที่อำเภอมะขาม บริเวณทางเข้าบ้านอดีตสามี
ส่วนนายกฤษณ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ก็ได้คุมตัวไปชี้จุดที่ไปฝังของกลางที่หยิบมาจากบ้านเจ๊ม่วย ที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 5 ตำบลปัถวี อำเภอมะขาม เมื่อขุดขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเครื่องสังคโลกทองเหลือง บรรจุอยู่ในถุงดำ โดยนายกฤษรับว่า เจ๊ปุ้ยได้ให้มาฝังไว้เพื่อจะกลับมาเอาในภายหลัง ส่วนที่ร่วมลงมือครั้งนี้ เพราะถูกเจ๊ปุ้ยหลอกมา
ด้าน พลตำรวจโท สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้แถลงปิดคดี พร้อมระบุว่า จากผลการสืบสวน และหลักฐานในที่เกิดเหตุ ตลอดจนการสอบพยานแวดล้อม ทราบว่ามีผู้ก่อเหตุทั้งหมดมีเพียง 2 คน คือ นายกฤษฎ์ และเจ๊ปุ้ย ส่วนมูลเหตุหลัก เกิดจากการฆ่าเพื่อล้างหนี้จำนวน 30 ล้าน ที่เจ๊ปุ้ย ได้กู้มาจากผู้เสียชีวิต เพื่อนำไปปล่อยเงินกู้และรับจำนองที่ดิน และอื่น ๆ ร่วมกับผู้ตาย แต่สุดท้ายไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ จนเจ๊ม่วยเตรียมทนายจะฟ้องร้อง
โดยพฤติกรรมการกู้ยืม เจ๊ปุ้ยจะขอกู้เป็นครั้ง ครั้งละประมาณ 1 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดรวมอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท นอกจากนี้ยังทราบว่าเงินที่ได้จากการหลอกยืมจากเจ๊ม่วย เจ๊ปุ้ยก็จะนำไปซื้อรถยนต์หลายคัน ทองคำรูปพรรณอีกจำนวนมาก
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ช่วยซ่อนเร้น หรือทำลายศพหรือชิ้นส่วนของศพ เพื่อปิดบังสาเหตุแห่งการตาย ก่อนส่งฟ้องศาลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
