ผู้ก่อเหตุแทง นร. ไม่ใช่เด็กพิเศษ ชัชชาติสั่งเข้มตรวจค้นอาวุธ

ผู้ก่อเหตุแทง นร. ไม่ใช่เด็กพิเศษ ชัชชาติสั่งเข้มตรวจค้นอาวุธ

View icon 119
วันที่ 29 ม.ค. 2567 | 15.30 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ชัชชาติสั่ง รร.เข้มตรวจค้นอาวุธ เผยผู้ก่อเหตุแทงนักเรียน ไม่ใช่เด็กพิเศษ เร่งสืบสวนให้ชัดรวมถึงปมบุลลี ห่วงทำให้คนกลัวเด็กพิเศษ

แทงเด็กนักเรียน (29 ม.ค.67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีเหตุนักเรียนถูกทำร้ายร่างกาย ณ โรงเรียนย่านพัฒนาการ ว่าจากหลักฐานที่มี เด็กนักเรียนผู้ก่อเหตุไม่ใช่เป็นเด็กพิเศษ ไม่ได้เป็นเข้าชั้นเรียนเด็กพิเศษ ส่วนที่บอกว่าเขาเด็กพิเศษอาจจะเป็นการสังเกต เรื่องนี้ต้องระวังเพราะมีเด็กพิเศษอยู่ในโรงเรียน กทม. หลายคน เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าทุกคนกลัวเด็กพิเศษไปหมด เด็กพิเศษมีหลายรูปแบบอย่าเอาเรื่องนี้เป็นประเด็น รอเรื่องการสืบสวนให้ชัดเจนก่อนว่าปัญหาเป็นอย่างไร รวมถึงเรื่องการบุลลีด้วย 

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการความปลอดภัย ต้องระวังพิเศษโดยเฉพาะเรื่องการเอาอย่างกัน เลียนแบบกัน เรื่องแรก การตรวจอาวุธต้องเข้มข้นขึ้น ตรวจตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียน รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในโรงเรียนก็ต้องระวังด้วย เช่นเรื่องกรรไกร เรื่องมีดทําอาหารที่อยู่ในโรงเรียน อาจต้องมีการเก็บให้เป็นระเบียบมากขึ้น ที่ผ่านมาก็มีการตรวจอยู่ แต่อาจจะไม่ได้ 100% ทุกวัน เพราะว่าเกี่ยวกับเรื่องของเวลา เรื่องของสิทธิของนักเรียนด้วย ผู้ปกครองก็อาจจะมาช่วยกันดูด้วยเพราะบางทีเป็นนักเรียนหญิงก็ต้องระวังเหมือนกัน

เรื่องที่ 2 คือการหาข้อมูลให้ชัดเจน เช่น ถ้าเกิดเหตุปุ๊บหรือเด็กสังเกตเห็นพฤติกรรมต่างๆ ทํายังไงที่ให้เด็กกล่าวมาบอกเรา หรือครูแนะแนว ครูโฮมรูม สามารถสังเกตพฤติกรรมที่ผิดปกติได้เพื่อป้องกันเหตุ ต้องสร้างบรรยากาศที่เด็กสามารถกล้ามาบอกเรื่องราวต่างๆ รวมถึงผู้ปกครองเองก็อาจจะมีส่วนสังเกต หรือเด็กมาเล่าให้ฟังเพราะว่าจะได้ช่วยกันแก้ปัญหา ความร่วมมือจากทุกส่วนเป็นเรื่องที่สําคัญ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ที่ต้องเน้นต่อไป

เรื่องที่ 3 อาจจะเป็นเรื่องการเสริมสร้างหลักสูตรให้เด็กด้านเรื่องจิตใจ ไม่เน้นเรื่องวิชาการอย่างเดียว แต่เรื่องการจัดดูแลเรื่องความรู้สึกเรื่องจิตใจเรื่องการบอกปัญหาต่างๆ ให้ครูช่วยรับฟัง รวมทั้งบริบทต่างๆ ของชุมชนพื้นที่ด้วย 

"โรงเรียนนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องมีเยาวชนจากด้านนอก มีพฤติกรรมที่เกเรนิดหน่อย ซึ่งนี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาก่อนแล้วผู้ปกครองให้ความเห็นที่น่าสนใจ บอกว่าจริงๆ แล้วไม่อยากให้เด็กแต่งชุดไปรเวท เพราะว่าเด็กที่มาโรงเรียนไม่สามารถแยกเกเรที่อยู่นอกโรงเรียนกับเด็กที่แต่งตัวโรงเรียนได้ ซึ่งน่าสนใจก็เป็นมิติหนึ่งซึ่งอาจจะไม่ใช่มิติเรื่องสิทธิภาพของเด็กแต่เป็นเรื่องบริบทโดยรอบและเรื่องความปลอดภัยของเด็ก ซึ่งอันนี้ก็ต้องให้ไปประเมินว่าจะมีผลเรื่องความปลอดภัยหรือไม่" ผู้ว่าฯชัชชาติกล่าว

อีกวิธีคือร่วมมือกันระหว่างคุณครูกับผู้ปกครอง ถ้าผู้ปกครองเป็นเนื้อเดียวกับโรงเรียน มีความร่วมมือกับเขต กับตํารวจ ร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกันปัญหาต่างๆ ก็น่าจะแก้ได้อย่างดีขึ้น ไม่ใช่ว่าต่างคนต่างแก้ กทม.เองก็ต้องรับผิดชอบเรื่องกายภาพ ไฟฟ้าส่องสว่าง ทางเดิน กล้อง CCTV ให้มีความพร้อม เขตต้องลงพื้นที่ที่มีการมั่วสุมนอกโรงเรียน

ทั้งนึ้ กทม.ต้องถอดบทเรียนเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษา ซึ่งมี 2 ส่วน คือ ที่มาของอาวุธ เอาเข้ามาโรงเรียนได้อย่างไร อันนี้คงต้องปัองกันตรงนี้ และเรื่องพฤติกรรมเราจะแยกพฤติกรรมนี้ออกมาได้อย่างไร เราจะดูแลเด็กที่อาจจะมีพฤติกรรมที่ได้รับการบําบัดหรือว่าทําให้ดีขึ้นอย่างไร 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง