ขอนแก่นเจอฟอสซิลไดโนเสาร์ อายุกว่า 100 ล้านปี

ขอนแก่นเจอฟอสซิลไดโนเสาร์ อายุกว่า 100 ล้านปี

View icon 136
วันที่ 2 ก.พ. 2567 | 11.46 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ฟอสซิลไดโนเสาร์ ซอโรพอด-สไปโนซอรัส อายุกว่า 100 ปี โผล่ที่ขอนแก่น กรมทรัพยากรธรณี เร่งทำการศึกษา เล็งเปิดจุดเรียนรู้ธรณีวิทยาขนาดเล็ก

ฟอสซิล เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์สิรินธร สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 2 กรมทรัพยากรธรณี ได้รับแจ้งข้อมูลการพบสิ่งอันมีเหตุควรเชื่อได้ว่าเป็นซากดึกดำบรรพ์จาก นายเชาวลิต บุญชาย ประชาชนในพื้นที่ จึงได้ลงพื้นที่ทำการสำรวจตรวจสอบ ณ บริเวณ ฝายน้ำล้น ของลำน้ำพอง บ้านโนนพยอม ตำบลม่วงหวาน อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น

จากการตรวจสอบพบซากดึกดำบรรพ์ชิ้นส่วนของกระดูกสันหลังของไดโนเสาร์กินพืชซอโรพอด เศษกระดูกซี่โครงไม่สามารถระบุชนิด และฟันของไดโนเสาร์กินปลาสไปโนซอรัส และรอยชอนไช (burrow) อยู่ในชั้นหินทรายเนื้อละเอียดสีน้ำตาลแดง ของหมวดหินโคกกรวด (Khok Kruat Formation) กลุ่มหินโคราชอายุประมาณ 110-100 ล้านปีมาแล้ว ทั้งนี้ได้ให้นายเชาวลิต บุญชาย ผู้ค้นพบ แจ้งพบซากดึกดำบรรพ์ ต่อนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลม่วงหวาน เจ้าพนักงานท้องถิ่น โดยตำแหน่ง เพื่อดำเนินการตามระเบียบตาม พ.ร.บ.คุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ.2551

เนื่องจากซากดึกดำบรรพ์ที่พบโผล่ให้เห็นภายหลังระดับน้ำลดลง และมีความเสี่ยงในการถูกทำลายเมื่อระดับน้ำสูงขึ้น เจ้าหน้าที่จากพิพิธภัณฑ์สิรินธร จึงเก็บตัวอย่างซากดึกดำบรรพ์มาอนุรักษ์เบื้องต้น ณ พิพิธภัณฑ์สิรินธร จังหวัดกาฬสินธุ์ และเทศบาลตำบลม่วงหวานได้นำหินซึ่งมีตัวอย่างกระดูกซี่โครงและรอยชอนไช มาเก็บรักษาและจัดแสดงเพื่อให้ความรู้ ณ ที่ทำการเทศบาลตำบลม่วงหวาน ซึ่งได้รับความร่วมมือในการคุ้มครองและดูแลซาก และแหล่งดึกดำบรรพ์เป็นอย่างดี

ด้านนางสาวศศอร ขันสุภา นักวิชาการทรัพยากรธรณีชำนาญการพิเศษ พิพิธภัณฑ์สิรินธร กรมทรัพยากรธรณี กล่าวถึงแนวทางการอนุรักษ์พื้นที่พบว่า แหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่พบนี้ พบซากดึกดำบรรพ์ซึ่งช่วยเพิ่มเติมหลักฐานและข้อมูลการกระจายตัวของซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในประเทศไทยได้ อีกทั้งสภาพโดยทั่วไปในบริเวณนี้ภายหลังจากระดับน้ำลดลง ชั้นหินทรายที่วางตัวชั้นบนสุดพบปรากฏลักษณะชั้นเฉียงระดับ (cross-bedding) และชั้นหินบาง (lamination) แสดงถึงลักษณะทิศทางการไหลของทางน้ำบรรพกาลที่มีลักษณะสวยงาม นอกจากนี้ยังพบการเกิดกุมภลักษณ์ (pothole) บริเวณผิวหน้าชั้นหินหลายจุด สามารถพัฒนาและส่งเสริมให้เป็นจุดศึกษาเรียนรู้ธรณีวิทยาขนาดเล็ก (small geosite) ในระดับท้องถิ่น เฉพาะช่วงเวลาภายหลังระดับน้ำลดลงได้ ทั้งนี้ จะได้มีการร่วมลงพื้นที่ระหว่างกรมทรัพยากรธรณีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสำรวจเพิ่มเติมโดยละเอียดในโอกาสต่อไป

สำหรับการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่สำคัญในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซากดึกดำบรรพ์เหล่านั้นล้วนมีความสำคัญต่อการศึกษาประวัติความเป็นมาของโลกและสิ่งมีชีวิตบนผืนโลกถือเป็นสมบัติของแผ่นดินที่ควรอนุรักษ์ไว้ พ.ร.บ.คุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ.2551 จึงกำหนดให้ผู้พบสิ่งอันมีเหตุควรเชื่อได้ว่าเป็นซากดึกดำบรรพ์ ต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นแห่งท้องที่ที่พบนั้นทราบภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันที่พบ และเมื่อกลุ่มทรัพยากรธรณีได้รับแจ้งจากหน่วยงานท้องถิ่น ก็จะเร่งดำเนินการตรวจสอบสิ่งอันมีเหตุควรเชื่อได้ว่าเป็นซากดึกดำบรรพ์ต่อไป เพื่อให้การบริหารจัดการซากดึกดำบรรพ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ที่มีคุณค่าควรแก่การอนุรักษ์ ให้เป็นมรดกทางธรรมชาติของแผ่นดิน ตลอดจนสามารถพัฒนาเป็นแหล่งความรู้และแหล่งท่องเที่ยวให้กับท้องถิ่นได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง