สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรเดินหน้าโจมตีเป้าหมายของกลุ่มกบฏฮูตี ในเยเมน เพิ่มอีก 36 เป้าหมาย ขณะที่ อิรักระบุ ผลการโจมตีของสหรัฐฯ จะนำไปสู่หายนะที่ตามมาในภูมิภาค
สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรยังคงเดินหน้าปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายของกลุ่มกบฏฮูตี (Houthi) ในเยเมน ซึ่งอิหร่านให้การหนุนหลัง โดยเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของปฏิบัติการโจมตีรอบใหม่ มีการส่งโจมตีเป้าหมาย 36 จุด ใน 13 พื้นที่ โดยมีทั้งเป้าหมายคลังอาวุธใต้ดิน, ระบบขีปนาวุธ และยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ที่กลุ่มกบฏฮูตีใช้สำหรับโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดง หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้โจมตีเป้าหมาย 85 จุด ในอิรัก และซีเรีย ที่มีความเกี่ยวข้องกับอิหร่าน เพื่อตอบโต้เหตุที่ฐานทัพสหรัฐฯ "ทาวเวอร์ 22" (Tower 22) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจอร์แดน ซึ่งใกล้กับพรมแดนซีเรีย ถูกโดรนโจมตี ทำให้มีทหารเสียชีวิต 3 นาย บาดเจ็บอีกราว 40 นาย
สำหรับการตอบโต้ของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ถือเป็นสัญญาณล่าสุดของการขยายวงกว้างความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง นับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ที่ระอุขึ้นอีกครั้ง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ปีที่ผ่านมา
ขณะที่ พลเอกลอยด์ ออสติน (Lloyd Austin) รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ กล่าวว่า การตอบโต้ร่วมกันครั้งนี้เป็นการส่งข้อความที่ชัดเจนไปยังกลุ่มกบฏฮูตีว่า พวกเขาจะยังคงรับผลที่ตามมาต่อไป หากยังไม่ยุติการโจมตีเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและกองทัพเรืออย่างผิดกฎหมาย
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน ออกแถลงการณ์ถึงกรณีการโจมตีเป้าหมายในอิรักและซีเรียของสหรัฐฯ ว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นความผิดพลาดทางกลยุทธ์อีกครั้งหนึ่งของสหรัฐฯ ซึ่งมีแต่จะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดและความไม่มั่นคงเพิ่มขึ้น
ขณะที่ ทางการอิรักได้เรียกอุปทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงแบกแดด เข้าพบเพื่อทำการประท้วงที่สหรัฐฯ ทำการโจมตีในประเทศของตนเองแล้ว พร้อมระบุว่า ผลที่ตามมาจากการโจมตีของสหรัฐฯ จะนำไปสู่หายนะในภูมิภาค