ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หนุ่มถูกเจ้าหนี้ที่ร่วมธุรกิจกัน ยึดรถเบนซ์ไปเพื่อประกันหนี้ หลังนำเงินมาไถ่รถออก เจ้าหนี้กับไม่ยอมคืนรถ แถมยังพาพวกมารุมทำร้ายจนเจ็บหนัก ผู้เสียหายป่วยเป็นโรคหัวใจ ยกมือไหว้ขอชีวิต แต่เจ้าหนี้ไม่สน รุมกระทืบไม่หยุด โชคดีมีพลเมืองดีตะโกนว่าตำรวจมา พวกเจ้าหนี้จึงหลบหนีไป หลังเกิดเหตุไม่กล้าไปแจ้งความ เพราะกลัวอิทธิพล ถูกส่งข้อความมาขู่สารพัด
หนุ่มผู้เสียหายรายนี้เป็นคนเชื้อสาย ไทย-เนปาล อายุ 28 ปี ต้องเดินทางมาขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด ให้เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว นายบี นามสมมุติ ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2565 ตนได้ซื้อรถเบนซ์มาจากเพื่อนรุ่นพี่ที่ชื่อตั้ม โดยง่ายเงินดาวน์ไป 300,000 บาท และต้องผ่อนต่ออีก 36 งวด งวดละ 27,400 บาท โดยผ่อนตรงกับนายตั้มเลย หลังจากได้รถมา ตนก็ผ่อนตรงมาตลอด โดยแต่ละเดือนที่ผ่อนค่างวดให้นายตั้ม นายตั้มจะให้เลขบัญชีคนอื่นโดยตลอด ไม่ซ้ำชื่อกันเลยในแต่ละเดือน จนกระทั่งวันที่ 22 มิถุนายน 2566 ตนไปชวนนายตั้มร่วมลงทุนซื้อรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ดมาขายต่อเพื่อเก็งกำไร โดยระบุไปว่า ไม่เกิน 1 อาทิตย์รถน่าจะขายต่อได้ เราจะเงินต้นคืนพร้อมกำไร นายตั้มได้ตกลงโอนเงินมาร่วมลงทุนมา 600,000 บาท
หลังจากตนซื้อรถคันดังกล่าวมาแล้ว ได้เกิดปัญหารถราคาตกต่ำพอดี ทำให้รถขายไม่ออก ตนจึงไปบอกนายตั้มไปว่าให้รอหน่อยนะ แต่นายตั้มไม่รอ ส่งข้อความมาทวงเงินอยู่ทุกวัน ใช้คำข่มขู่สารพัด ตนก็พยายามบอกว่าจะหาเงินมาคืนให้ หลังจากผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ ตนได้นำเงินไปคืนนายตั้มก่อน 300,000 บาท และก็บอกว่าอีก 300,000 รอก่อนนะ ไม่นานจะนำเงินมาคืนให้
จากนั้นเวลาผ่านไป 1 เดือน นายตั้มได้ส่งข้อความมาทวงเงินอีก ตนจึงตัดสินใจจะนำรถเบนซ์ที่ผ่อนอยู่กับนายตั้มไปรีไฟแนนซ์ เพื่อจะนำเงินมาใช้หนี้ จึงขอเอกสารการโอนรถจากนายตั้ม แต่นายตั้มกลับบอกว่าให้ตนเองปลอมลายเซ็นไปเลย เจ้าของรถตัวจริงอยู่ต่างประเทศ แต่ตนไม่กล้าปลอมลายเซ็น จึงไม่สามารถนำรถไปรีไฟแนนซ์ได้ นายตั้มจึงเข้ามายึดรถเบนซ์ของตนเองไป แล้วบอกว่าถ้ามีเงิน 300,000 เมื่อไหร่ก็เอามาไถ่ถอนรถออกไปได้ ตนเองก็ยินดี จากนั้นเวลาได้ผ่านไปประมาณ 2 เดือน นายตั้มได้โทรศัพท์มาบอกว่าให้ตนเองจ่ายค่างวดรถมา 1 งวดก่อน กลัวว่ารถจะถูกไฟแนนซ์ยึด เพราะตนติดค่างวดเกิน 3 งวดแล้ว ตนได้โอนเงินไปจ่ายค่างวด 27,400 บาทให้ หลังจากนั้น10 วัน ตนได้หาเงิน 300,000 มาคืนให้นายตั้ม เพื่อไถ่ถอนรถเบนซ์คืน แต่นายตั้มก็อ้างว่า รถเบนซ์ถูกไฟแนนซ์ยึดไปแล้ว เนื่องจากผู้เสียหายขาดส่งค่างวด ตนจึงรู้สึกแปลกใจว่า ไฟแนนซ์จะยึดได้อย่างไรในเมื่อตนเพิ่งโอนเงินไปให้เมื่อ 10 วันที่แล้ว และอีกอย่างตอนที่ตนเองผ่อนรถคันนี้ ก็ผ่อนให้กับนายตั้มโดยตรง ไม่ได้ผ่อนกับไฟแนนซ์ ทำให้วันนั้นเงินก็ไม่ได้ให้เงิน 300,000 บาทกับนายตั้มคืนไป เพราะตนเองต้องได้รถคืนก่อนถึงจะยอมให้เงิน
ต่อมานายตั้มได้ส่งข้อความมาข่มขู่ว่า ถ้าไม่ได้เงิน 300,000 จะทำร้ายตนเอง ตนจึงเข้าไปขอร้องให้ผู้ใหญ่ที่รู้จักกับนายตั้มช่วยเรียกนายตั้มมาเจรจาเรื่องนี้ให้หน่อย หลังจากผู้ใหญ่ได้เรียกนายตั้มมาเจรจากับตน นายตั้มได้ยกพวกชายฉกรรจ์มาประมาณ 6 คน มาลากตนเองออกไปทำร้ายกลางถนน นายตั้มกับพวกทั้ง 6 คน ทั้งเตะทั้งต่อยทั้งกระทืบ ใช้เท้าเหยียบหัวจนตนต้องยกมือไหว้ร้องขอชีวิต แต่ทางกลุ่มนายตั้มก็ไม่หยุดทำร้าย โชคดีที่ผู้ใหญ่ได้ตะโกนบอกว่าได้แจ้งตำรวจแล้วนะ ฝั่งนายตั้มถึงยอมหยุดและหลบหนีไป
นายตั้มก็รู้ว่าตนเองป่วยเป็นโรคหัวใจ ต้องคอยทำบอลลูนหัวใจอยู่ทุกเดือน แต่นายตั้มยังยกพวกมารุมทำร้ายตนเอง จนตนมีอาการหายใจไม่ทัน เกือบเสียชีวิต หลังเกิดเรื่องตนเองยังไม่ได้ไปแจ้งความ เนื่องจากกลัวอิทธิพลของนายตั้ม เพราะนายตั้มเป็นคนกว้างขวางในพื้นที่มาก ขนาดผู้ใหญ่ที่ตนเองนับถือมาช่วยเจรจา นายตั้มยังทำร้ายตนต่อหน้าผู้ใหญ่เลย ทุกวันนี้นายตั้มยังส่งข้อความมาข่มขู่อยู่ทุกวัน
ขณะที่นายนิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะพาผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด เอาผิดในคดีทำร้ายร่างกาย ถึงผู้เสียหายจะยืมเงินไปขนาดไหน ผู้ก่อเหตุก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะยกพวกไปรุมทำร้ายใคร และหลังจากนี้จะตรวจสอบว่า เลขบัญชีที่นายตั้มให้ผู้เสียหายโอนไปส่งค่ารถให้แต่ละงวดนั้นเป็นของใครบ้าง เกี่ยวข้องกับบัญชีม้าหรือไม่ อีกทั้งจะต้องมีการตรวจสอบว่ารถเบนซ์คันดังกล่าวที่นายตั้มกล่าวอ้างว่าปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึดไปแล้วเป็นความจริงหรือไม่ หรือนำรถไปขายต่อกันแน่