กสทช. เร่งสอบผู้ให้บริการโทรระหว่างประเทศ หลังพบนำเข้าทราฟฟิกคล้ายเบอร์ 2 ธนาคารดัง

กสทช. เร่งสอบผู้ให้บริการโทรระหว่างประเทศ หลังพบนำเข้าทราฟฟิกคล้ายเบอร์ 2 ธนาคารดัง

View icon 93
วันที่ 19 ก.พ. 2567 | 15.31 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
พบผิดปกติ กสทช. สอบบริษัทเอกชน ผู้ให้บริการโทรระหว่างประเทศ หลังพบนำเข้าทราฟฟิกคล้ายเบอร์ 2 ธนาคารดัง ต้นทางจากประเทศแอฟริกาใต้ อาจทำประชาชนเข้าใจผิด ล่าสุดสั่งระงับบริการแล้ว

วันนี้ (19 ก.พ.67) นายพชร นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษาประจำประธาน กสทช. ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำประธาน กสทช. ด้านเทคโนโลยีพัฒนาธุรกิจ และนโยบายภาครัฐ เปิดเผยว่า กสทช.ได้ตรวจสอบบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เรียกตรงระหว่างประเทศ (IDD) พบว่า มีทราฟฟิกของบริษัทฯ ส่งไปยังผู้ให้บริการรายอื่นๆ โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ 2-111-1111 และ 2-777-7777 ซึ่งคล้ายกับหมายเลขโทรศัพท์ธนาคารชื่อดัง 2 แห่ง

นายพชร กล่าวว่า การตรวจสอบ กสทช. พบว่าบริษัทดังกล่าวได้รับ VoIP ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จากบริษัทคู่ค้าในต่างประเทศ 2 ราย ซึ่งเป็นหมายเลขของประเทศแอฟริกาใต้ที่ขึ้นต้นด้วย 27 เมื่อนำทราฟฟิกเข้ามาในประเทศไทย มีกระบวนการต่อมา คือเพิ่มเลข 0 เข้าไปข้างหน้า ให้เข้าใจผิดว่าเป็นหมายเลข 02-111-1111 และ 02-777-7777 การกระทำดังกล่าว ถือว่าบริษัทนำทราฟฟิกเข้ามาในประเทศไทย เพื่อสามารถเรียกไปยังผู้ใช้บริการโทรศัพท์ประจำที่ และ/หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศ ดังนั้น แม้ว่าบริษัทจะได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมจาก กสทช. ก็ตาม แต่หากบริษัทให้บริการเกินขอบเขตไปจากที่ กสทช. อนุญาต ก็อาจเข้าข่ายเป็นการให้บริการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. ถือเป็นความผิดในมาตรา 67 (3) แห่งพ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544

อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทเอกชน ชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้องและได้ระงับทราฟฟิกหมายเลขดังกล่าวไปแล้ว แต่ กสทช. ก็ตรวจพบว่ายังมีทราฟฟิกที่เข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งปรากฏเลขหมายลักษณะเดียวกันหลายครั้ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสับสนต่อผู้ใช้บริการในประเทศ อาจเข้าข่ายพฤติกรรมมีลักษณะเป็นการชักจูง หลอกลวง ให้ประชาชนหลงเชื่อในลักษณะของมิจฉาชีพได้ จึงได้รวบรวมหลักฐานที่ได้จากการส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสถานประกอบการ และขอให้บริษัทส่งข้อมูลชี้แจงมายัง กสทช. หากพบว่ากระทำผิดจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด

“กสทช. ขอเตือนว่า ห้ามมิให้ผู้ใดนำโครงข่ายโทรคมนาคม หรือนำเครือข่ายอินเทอร์เน็ตขอผู้รับใบอนุญาตไปใช้ในการประกอบธุรกิจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือเผยแพร่ซึ่งข้อมูลอันอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และต้องสนับสนุนหน่วยงานรัฐและเอกชนในการดำเนินการใดๆ เพื่อปกป้องสิทธิของผู้บริโภคและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญที่สุด” นายพชร กล่าวย้ำ