สนามข่าว 7 สี - คำพูดที่ว่าคนใกล้ตัวร้ายที่สุด ในบางสถานการณ์ยังใช้ได้เสมอ เห็นได้จากกรณีนางสาวชลลดา หรือ น้องนุ่น อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี หายตัวไปอย่างปริศนา โดยสามีอุ้มกระเตงลูกอายุขวบเศษ ทำเป็นแจ้งความกลบเกลื่อนความผิดตัวเอง ให้การว่าทะเลาะกับภรรยาแล้วหนีลงรถ หายตัวไปไหนไม่รู้ แต่ความจริงปรากฏ ตำรวจแกะรอยได้ภาพหลักฐานมัดสามีเป็นคนฆ่า นำร่างไปเผาอำพรางที่จังหวัดปราจีนบุรี
กระแสข่าวการหายตัวไปของ นางสาวชลลดา หรือ น้องนุ่น อายุ 27 ปี ถูกจุดชนวนกลายเป็นประเด็นขึ้นมา เมื่อกลุ่มเพื่อนได้โพสต์เฟซบุ๊กประกาศตามหา พร้อมกับนำรูปภาพน้องนุ่น สวมชุดเดรส สีขาว หายตัวไปหลังจากไปกินเลี้ยงวันเกิดแฟนเพื่อนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บริเวณถนนเลียบด่วนรามอินทรา เมื่อช่วงกลางคืนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เวลา 03.00 น. หากมีใครพบเห็นช่วยแจ้งมาหน่อยนะคะ ทุกคนเป็นห่วงมาก
วันต่อมา (19 ก.พ.) นายศิริชัย อายุ 33 ปี ผู้เป็นสามีได้อุ้มลูกอายุ 1 ขวบ 7 เดือน เดินทางเข้าแจ้งความ สภ.ปากเกร็ด ได้ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า คืนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 03.00 น. หลังจากกลับมาจากงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อน ซึ่งตรงกับข้อมูลที่เพื่อนประกาศตามหา โดย นายศิริชัย บอกว่ามีปากเสียงกับภรรยาในรถยนต์ จากนั้นภรรยาก็เปิดประตูลงรถไปขึ้นรถแท็กซี่บริเวณถนนเลียบคลองประปา อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี แล้วหายตัวไป ติดต่อไม่ได้ ซึ่งในวันนั้นมีสื่อมวลชนไปติดตามข่าวนี้ด้วย นายศิริชัยก็ยังให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำตัวเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่อุ้มลูกตามหาภรรยา บอกว่าเวลาทะเลาะกัน ภรรยาจะเป็นฝ่ายออกจากบ้านหายไปแบบนี้เสมอ คราวนี้ก็เช่นกัน พยายามตามหาภรรยาทุกที่แล้ว แต่ไม่พบ อยากให้ภรรยาเลิกน้อยใจ ขอให้เห็นแก่ลูกกลับมาบ้านได้แล้ว
ลูกสาวหายไปทั้งคนเป็นใครจะไม่คิด แม่ของน้องนุ่น ก็คาใจหลายเรื่องที่ลูกเขยบอกว่า น้องนุ่นหนีไปเพราะน้อยใจ ซึ่งแม่บอกว่าปกติลูกสาวเป็นคนพูดตรง ๆ มีเหตุผล จะไม่หนีปัญหา และที่ลูกเขยอ้างว่า พอทะเลาะกันในรถยนต์ลูกสาวลงรถไปขึ้นแท็กซี่ เขาจึงกลับมารอที่บ้าน ซึ่งผิดวิสัยคนเป็นสามีภรรยากัน ช่วงนั้นดึกมาก ทำไมไม่ลงไปตาม หรือขับรถตามแท็กซี่คันที่ลูกสาวนั่งไป และยิ่งสงสัยหนักขึ้นอีก ลูกเขยมาบอกให้ตนทำใจ พร้อมบอกว่าตรวจสอบพิกัดจีพีเอสโทรศัพท์มือถือน้องนุ่นแล้วไปโผล่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
แม้ว่าแม่น้องนุ่นจะสงสัยแต่ไม่มีหลักฐาน กระทั่งตำรวจตามแกะรอยได้ภาพกล้องวงจรปิดบริเวณเลียบคลองประปา ถนนแจ้งวัฒนะ บันทึกภาพนายศิริชัย ทำร้ายน้องนุ่นอย่างโหดเหี้ยม ทั้งกระชากศีรษะ ลากตัวมาเตะที่ใบหน้า จนน้องนุ่นนอนลงไปนอนกองกับพื้น ก็ยังไม่หยุดทำร้าย ใช้ก้อนอิฐทุบที่ศีรษะหลายครั้ง ก่อนพาน้องนุ่นขึ้นรถพากลับมาบ้านที่หมู่บ้านดังย่านเมืองทองธานี โดยมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้ เวลา 02.26 น. ของวันที่ 18 กุมภาพันธ์
นอกจากนี้ตำรวจยังได้ภาพช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น นายศิริชัย ขับรถยนต์สีขาวออกจากหมู่บ้านไปที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซื้อน้ำมัน 2 แกลลอน เป็นเงิน 1,420 บาท
จากหลักฐานต่าง ๆ ที่ตำรวจสืบสวนได้มา ชี้ไปที่นายศิริชัย ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน ช่วงค่ำวานนี้ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบรถยนต์สีขาว และภายในบ้านพบคราบเลือด ตำรวจจึงควบคุมตัวนายศิริชัย มาสอบสวนที่ สภ.ปากเกร็ด นานกว่า 1 ชั่วโมง ที่สุดก็จำนนต่อหลักฐาน ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่าภรรยาตัวเอง โดยมูลเหตุเริ่มจากที่ดื่มสุราเมาหนัก ระหว่างทางกลับบ้านภรรยพูดถึงแฟนเก่าของตัวเอง ทำให้มีปากเสียงทะเลาะกันที่ริมถนน และบนรถ แต่ช่วงนั้นภรรยายังไม่เสียชีวิต พอกลับถึงบ้านด้วยอารมณ์โมโหจึงใช้อิฐบล็อกทุบศีรษะซ้ำทำให้ภรรยาเสียชีวิตในบ้าน วันรุ่งขึ้นนำร่างภรรยาใส่กระเป๋ายกขึ้นรถวางไว้ที่เบาะด้านหลังฝั่งซ้าย โดยระหว่างขับรถไปที่จุดเผาอำพรางที่จังหวัดปราจีนบุรี ก็มีลูกนั่งรถไปด้วย
เมื่อคืนนี้ตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี เข้าตรวจสอบสวนยางพารา บ้านมาบเหียง ตำบลหนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นจุดเผาอำพรางร่างน้องนุ่นจนไหม้เกรียม และร่องรอยเผากระเป๋าเดินทางที่ผู้ก่อเหตุใช้บรรจุร่างผู้เสียชีวิตนำมาเผา และยังพบเลสข้อมือ แหวนทองคำ ที่ตรงกับรูปถ่ายและตรงกับคำรับสารภาพของผู้ก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบส่งไปตรวจเอกลักษณ์บุคคลยืนยันอีกครั้ง
คดีนี้ฉายภาพสะท้อนให้เห็นคนใกล้ตัวร้ายที่สุด ก่อเหตุฆ่าภรรยาตัวเองได้อย่างเลือดเย็น และสุดอำมหิต และยิ่งย้อนไปดูข้อมูลชีวิตคู่นี้ แลดูรักใคร่มีความสุข โดยฝ่ายภรรยายังโพสต์เฟซบุ๊กอวยพรวันคล้ายวันเกิดสามี ระบุข้อความว่า "สุขสันต์วันเกิดนะที่รัก เป็นแฟนที่น่ารักของเขาแบบนี้ตลอดไปนะ ร่ำรวย ๆ การงานราบรื่น สมหวังทุกปรารถนาน๊าา" เมื่อคืนนี้พอปรากฏข่าวว่าที่แท้เป็นฝีมือฆ่าเผาภรรยาตัวเอง เพื่อน ๆ ทำใจไม่ได้ ถึงกับโพสต์ตำหนิการกระทำต่อว่าฝ่ายผู้ก่อเหตุต่าง ๆ นานา