คดีน้องนุ่น นิติเวช ตร. เผยสภาพศพเกือบครบสมบูรณ์ คาดใช้เวลาพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลภายใน 3 วัน แต่สภาพศพตั้งแต่ต้นคอถูกไฟไหม้ ไม่สามารถยืนยันว่าเสียชีวิตก่อนหรือหลังถูกเผา
ความคืบหน้าคดีน้องนุ่น วันนี้ (21 ก.พ.67) พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ้มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยกับทีมข่าว CH7HD ถึงการตรวจพิสูจน์การเสียชีวิตของ น.ส.ชลลดา หรือน้องนุ่น อายุ 27 ปี ที่ถูกสามีทำร้ายจนเสียชีวิตที่จังหวัดนนทบุรีแล้วนำไปเผาอำพรางที่จังหวัดปราจีนบุรี เบื้องต้นจากการตรวจสอบภาพถ่าย ซึ่งยังไม่ได้ผ่าชันสูตรพลิกศพ สภาพศพร่างกายยังอยู่ครบเกือบครบสมบูรณ์ ทั้งศีรษะ ฟัน มือ เท้า มีร่องรอยไหม้ไฟ ขาดเพียงขากรรไกรล่าง แต่ยังสามารถพิสูจน์ได้ทางดีเอ็นเอ ซึ่งอาจตรวจจากกล้ามเนื้อ หรือกระดูกต้นขา
“เรียกได้ว่าสภาพศพสมบูรณ์ไม่มีปัญหา ความร้อนไม่ได้ทำลายถึงชั้นกระดูก จนเป็นอุปสรรคต่อการตรวจพิสูจน์ สามารถตรวจสอบได้จากเนื้อเยื่อ ต้นขา และกระดูก”
พล.ต.ต.สุพิไชย ระบุด้วยว่า ส่วนร่องรอยการถูกทุบบริเวณใบหน้า ศีรษะ ยังไม่สามารถยืนยันบาดแผลได้ เนื่องจากร่างกายถูกไฟไหม้ ทำให้ไม่พบร่องรอยเลือดคั่งและร่องรอยฟกช้ำที่บริเวณถูกทำร้าย ส่วนกะโหลกศีรษะหากแตกร้าวก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า เกิดจากความร้อนหรือเกิดจากการถูกของแข็งกระแทก
การระบุอัตลักษณ์บุคคลว่าเป็นน้องนุ่นหรือไม่ ต้องใช้ระยะเวลา อย่างเร็วสุดอาจใช้เวลาถึง 3 วัน โดยตรวจจากดีเอ็นเอกล้ามเนื้อต้นขา แต่ถ้าตรวจจากกระดูก จะรู้ผลไม่เกิน 1 สัปดาห์ และจะมีการนำดีเอ็นเอไปตรวจยืนยันกับบิดามารดา สำหรับสร้อยขัอมือทองคำที่ตรวจพบในจุดเผาอำพรางศพ ทางนิติเวชฯ ไม่ได้ให้น้ำหนักในการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ แต่ทางพนักงานสอบสวนมีการระบุชื่อผู้เสียชีวิต คือน้องนุ่น ดังนั้นจึงเป็นส่วนหนึ่งในการสันนิษฐานได้
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตจะเป็นการถูกเผาทั้งเป็นหรือไม่ พล.ต.ต.สุพิไชย ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่สารถยืนยันได้ ต้องรอการผ่าพิสูจน์แล้วเสร็จ โดยจะมีการตรวจสอบว่ามีเขม่า ควันไฟในหลอดลมหรือไม่ ร่วมกับการตรวจปริมาณคาร์บอนมอนอกไซด์ในเลือด แต่เท่าที่ดูเบื้องต้น ยอมรับว่า สภาพศพตั้งแต่ต้นคอถูกไฟไหม้หมด จึงไม่สามารถยืนยันว่าเสียชีวิตก่อนหรือหลังถูกเผาได้ เนื่องจากอวัยวะภายในถูกความร้อนเผาไหม้เสียหาย