จับ นศ.นิติศาสตร์ ขายปืนไทยประดิษฐ์ ส่งทั่วประเทศ รายได้ดี ยึดเป็นอาชีพหลัก

จับ นศ.นิติศาสตร์ ขายปืนไทยประดิษฐ์ ส่งทั่วประเทศ รายได้ดี ยึดเป็นอาชีพหลัก

View icon 103
วันที่ 21 ก.พ. 2567 | 14.34 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
รายได้ดี นศ.นิติศาสตร์ เบื่อเป็นเชฟ ยึดอาชีพหลัก ขายปืนไทยประดิษฐ์ ส่งทั่วประเทศ สืบนครบาลตามจับ ขณะนำปืน 10 กระบอกส่งลูกค้า พบประวัติเคยถูกดำเนินคดีแล้ว แต่ไม่เข็ด

วันนี้ (21 ก.พ.67) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้ตระหนักและเน้นย้ำให้กำลังพลในสังกัดเฝ้าสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มเครือข่ายที่ลับลอบจำหน่ายอาวุธปืนต่างๆ ทางออนไลน์และช่องทางอื่น จนชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ออกแกะรอยสืบสวนจนพบว่า นายธงชัย หรือ "แบงค์ เพชรบ้านเอื้อ" อายุ 28 ปี มีพฤติกรรมลักลอบนำอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาดต่างๆ ส่งจำหน่ายทั้งประเทศ ซึ่งเป็นอีก 1 ตัวการสำคัญและเป็นต้นตอของการก่อเหตุอาชญากรรมขึ้นในสังคมอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายที่ต้องรีบสืบสวนจับกุมให้ได้โดยเร็ว

ต่อมาวันที่ 20 ก.พ.67 เจ้าหน้าที่สืบนครบาล ได้นำกำลังไปกระจายกันเฝ้าติดตาม เพื่อตรวจค้นจับกุมนายธงชัย โดยพบตัวขณะขับรถกระบะส่วนตัวนำอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ไปจัดส่งให้แก่ลูกค้า เมื่อแสดงตัวเข้าตรวจค้น สามารถตรวจยึดของกลางเป็นอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ เบอร์ 12 และอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 รวมจำนวน 10 กระบอก ในสภาพบรรจุอยู่ในกล่องพัสดุพร้อมจัดส่งให้แก่ผู้รับ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดฐาน "มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำหน่ายซึ่งอาวุธปีนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต”

จากการซักถามนายธงชัย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนอยู่ระหว่างเรียนคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง (ใกล้จบ) เดิมทีเป็นช่างซ่อมจักรยานยนต์ เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี จึงหันมาเป็นเชฟทำอาหารอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครสวรรค์ ทำอยู่ 1 ปี รู้สึกเบื่อกับงานที่ทำ ต่อมาช่วงประมาณต้นปี 2564 เพื่อนได้ชักชวนให้ไปเอาอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ในพื้นที่อำเภอพยุหะคีรี ในราคากระบอกละ 4,000 บาท เพื่อนำมาขายต่อในราคา 6,000 บาท เห็นว่าได้กำไรดี จึงยึดเป็นอาชีพหลักตลอดมา

จนถูกจับกุม ในความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ” (ครอบครองอาวุธปืนไม่มีทะเบียน) เมื่อเดือน ต.ค.64 ศาลตัดสินลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ช่วงนั้นก็เลยหยุดรับปืนมาขาย กระทั่งช่วงเดือนพ.ย.66 ตนกลับมาทำอาชีพนี้อีกครั้ง จนถูกจับกุมในวันนี้ เงินที่ได้จากการจำหน่ายอาวุธปืนนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เลี้ยงไก่ หาความสุขใส่ตัวไปวันๆ

หลังจากจับกุมผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวพร้อมของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดีส่ง สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป