สนามข่าว 7 สี - สปอตไลต์ส่องไปที่เรื่องความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่าง สมเด็จ ฮุน เซน กับ นายทักษิณ ชินวัตร อีกครั้ง หลังจากที่เมื่อวานนี้ สมเด็จ ฮุน เซน นั่งเครื่องบินตรงจากกัมพูชา มาเป็นแขกสำคัญของบ้านจันทร์ส่องหล้า ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 กรุงเทพฯ มีความหมายไม่เฉพาะต่อครอบครัวทั้งสองที่ใกล้ชิดกันมานาน แต่ยังสื่อให้รู้ถึงสถานะทางการเมืองอีกด้วย
โดยภาพข่าวสำคัญของวานนี้ ภาพขบวนรถของ สมเด็จ ฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา และ อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เดินทางมาถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 โดย สมเด็จ ฮุน เซน นั่งมาในรถเมอซีเดสเบนซมายบัก สีเงิน ดำ ป้ายทะเบียน ร 3355 เข้าบ้านไปเพื่อเยี่ยมนายทักษิณ และร่วมรับประทานอาหารกลางวัน และอยู่ในบ้านนานกว่า 2 ชั่วโมง ก็เดินทางกลับขึ้นเครื่องบินกลับกัมพูชาทันที
ขณะที่ คุณอุ๊งอิ๊ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้อัปไอจีสตอรี เป็นภาพของสมเด็จ ฮุน เซน กับ นายทักษิณ นั่งคู่กัน โดย นายทักษิณ ใส่เฝือกคอ และ Arm Sling พร้อมกับข้อความบรรยากาศสุดอบอุ่น และอีกข้อความมิตรภาพอันอบอุ่น แสดงให้เห็นมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
ย้อนดูในอดีตความสัมพันธ์ของ สมเด็จ ฮุน เซน กับ นายทักษิณ ชินวัตร นั้นมีมานาน และเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งถึงขนาดที่ครั้งหนึ่ง สมเด็จ ฮุน เซน เคยกล่าวไว้ว่า ตนและนายทักษิณ คือ พี่ทูนหัว (God brother) มีความสัมพันธ์นี้แน่นแฟ้นมายาวนานตั้งแต่ปี 2535 ก่อน นายทักษิณ จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเสียอีก
จุดเริ่มความสัมพันธ์เมื่อปี 2535 นายทักษิณ จะเข้าสู่วงการเมืองไปทำธุรกิจโทรคมนาคม ภายใต้เครือข่ายชินวัตร ขณะที่ สมเด็จ ฮุน เซน กำลังวางฐานการเมืองในกัมพูชา ยิ่งเมื่อทั้งคู่ขึ้นเป็นผู้นำ ความสัมพันธ์ยิ่งกระชับแน่น จะเห็นได้จากในปี 2552 หลัง นายทักษิณ ถูกรัฐประหาร สมเด็จ ฮุน เซน เปิดบ้านพักต้อนรับนายทักษิณ ซึ่งมีสถานะเป็นผู้ต้องหาหนีหมายจับ แถมยังแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว และที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาดูแลเศรษฐกิจ
สมเด็จ ฮุน เซน ยังปฏิเสธกรณีรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน โดยให้เหตุผลเป็นเรื่องการเมืองชัดเจน ถูกรัฐประหารในปี 2549 ลงจากตำแหน่ง ขณะไปปฏิบัติหน้าที่ที่องค์การสหประชาชาติ ส่วนคดีความและการตัดสินลงโทษเป็นเรื่องการเมืองทั้งสิ้น เท่ากับย้ำคำพูดของสมเด็จ ฮุน เซน ที่รับรองว่า นายทักษิณ เป็นเพื่อนกันตลอดไป
แม้ในช่วงการเมืองต่างสีเข้มข้น กัมพูชายังอนุญาตให้ นายทักษิณ และ แกนนำพรรคเพื่อไทย ใช้พื้นที่พบปะปราศรัยกับกลุ่มคนเสื้อแดง ถ่ายทอดสดข้ามพรมแดน รวมถึงจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงคึกคัก
รวมทั้งเหตุจลาจลช่วงปลายเดือนมกราคม พ.ศ.2546 ต้นเหตุจากบทความหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่ตีพิมพ์สร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อน จุดชนวนให้เกิดความไม่พอใจ ลุกลามเป็นเหตุให้มีคนบุกเผาสถานทูตไทยและทำลายทรัพย์สินนักธุรกิจไทยในกรุงพนมเปญ กัมพูชา ซึ่งขณะนั้น นายทักษิณ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ประสานรัฐบาลภายใต้อำนาจสมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในขณะนั้นควบคุมสถานการณ์ และนำมาซึ่งปฏิบัติการโปเชนตง อพยพพลเมืองไทยกลับประเทศได้อย่างปลอดภัย ผลงานครั้งนี้ยังพลิกวิกฤตให้รัฐบาลทักษิณในสมัยนั้นได้รับความนิยมอย่างมาก
จากภาพการพบปะและผลงานรัฐต่อรัฐในห้วงที่ผ่านมากว่า 30 ปี สะท้อนให้เห็นถึงสัมพันธภาพระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร กับ สมเด็จ ฮุน เซน ว่าแน่นแฟ้นขนาดไหน โดยครั้งล่าสุดที่ทั้งคู่โคจรมาเจอกันเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2566 ไม่กี่วันที่ นายทักษิณ จะกลับมารับโทษในไทย เขากับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปปรากฏตัวในงานวันเกิดครบ 71 ปี ของ สมเด็จ ฮุน เซน ยืนเคียงข้างร้องเพลงและกอดฮุนเซน เผยให้เห็นถึงความสนิทสนมแนบแน่นขนาดไหน
ส่วนประเด็นที่ว่า นายทักษิณ กลับมาไทยแล้วป่วยหนักจนต้องส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ นานจนเข้าเกณฑ์ครบกำหนดพักโทษ ทั้งที่ยังไม่ได้เข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว ก็ยิ่งตอกย้ำคำพูดของ คุณอุ๊งอิ๊ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่เคยตอบชาวเน็ตที่เข้าไปคอมเมนต์ถามในอินสตาแกรมของเธอว่า "พ่อเป็นเทวดา" พอได้รับการพักโทษกลับมาอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ลูกสาวก็โพสต์ภาพนายทักษิณนิ่งชิลริมสระน้ำ กลายเป็นกระแสถูกจับผิดสภาพร่างกายว่าป่วยจริงหรือไม่ จนพรรคเพื่อไทยต้องออกมาแจงร่ายเป็นข้อ ๆ ว่า ป่วยจริง สยบเสียงวิจารณ์
เมื่อวานนี้ คำพูดนี้ถูกพูดถึงอีกครั้งที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เผยว่าเท่าที่จับตาผลงานรัฐบาลมาตลอดหลายเดือน ยังไม่เห็นผลงานใดเด่นชัด ยิ่งมาปรากฏกรณีนายทักษิณเข้าเกณฑ์พักโทษ ตนมองว่าเรื่องนี้จะเป็นเชื้อซ้ำเติมความเสื่อมถอยของรัฐบาลให้แย่หนักลงไปอีก