โต้เดือด บิ๊กโจ๊ก ยันบริสุทธิ์ 100 % ไม่ถูกแจ้งข้อหาโยงเว็บพนัน พร้อมดับเครื่องชน ส่งทนายฟ้อง 2 นายพล ซัดนายตำรวจยศสูงอย่าทำตัวเป็นอีแอบ
วันนี้ (22 ก.พ.67) พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่าถูกร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ เนื่องจากมีพยานหลักฐานเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ว่า เรื่องนี้เริ่มต้นจากการค้นบ้านตน มีการปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล โดยไม่ได้บอกว่าเป็นบ้านตน และการออกหมายจับลูกน้องตน 8 คน ที่ไม่ระบุยศ แต่บอกว่าประกอบอาชีพรับจ้าง รวมทั้งกรณีที่เร็วๆ นี้มีกระแสข่าวว่าตำรวจไซเบอร์ได้ออกหมายเรียกให้ตนมารับทราบข้อกล่าวหานั้น ล้วนเป็นกระบวนการจงใจทำให้ตัวเองเสื่อมเสียชื่อเสียงเพื่อเป้าหมายใหญ่ในระยะยาว
ยืนยันว่า ตนยังไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ทั้งสิ้น ขั้นตอนขณะนี้เป็นเพียงการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ป.ป.ช.ที่เป็นการตั้งข้อสังเกตเท่านั้น ซึ่งจะต้องพิจารณาแสวงหาพยานหลักฐานและไต่สวนก่อนว่ามีมูลหรือไม่ หากมีมูลจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และตนก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีการชี้มูลความผิด พร้อมขอให้สื่อแก้ไข มิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมาย
ขณะที่สำนวนคดีนี้ได้ส่งไปที่ ป.ป.ช.ตั้งแต่เดือน ธ.ค.66 แต่ ป.ป.ช.ไม่ส่งสำนวนกลับมาให้ตำรวจ เชื่อว่า ป.ป.ช.รู้ว่าเป็นการทะเลาะกันเองของตำรวจจึงไม่อยากยุ่ง ดังนั้น การแถลงว่าจะขอเอาสำนวนมาให้ตำรวจ โดยอ้างว่าได้ดำเนินการไปมากแล้วนั้น ตนเองเป็นใคร ยศอะไร ถือเป็นการกดดัน ดูถูกการทำงานของ ป.ป.ช.หรือไม่ ซึ่งระบบการไต่สวนของ ป.ป.ช. ที่เป็นหน่วยงานตรวจสอบทุจริตโดยตรง มีความรอบคอบรัดกุมมากกว่าระบบกล่าวหาของตำรวจ อีกทั้งตามระเบียบแล้วก็ต้องยึดสำนวนที่ ป.ป.ช.ไต่สวนเป็นหลัก ไม่มีระเบียบที่กำหนดว่าให้ยึดสำนวนของตำรวจเป็นหลัก
ทั้งนี้ การดำเนินคดีที่มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 300 ล้านบาทนั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งตนก็ไม่ขัดข้อง หากสำนวนจะดำเนินการโดยหน่วยงานใด แต่ขอให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกระบวนการ พร้อมขอเตือนให้เจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ทำคดีด้วยความระมัดระวัง ตรวจสอบว่ามีอำนาจในการดำเนินการหรือไม่ มิฉะนั้นจะติดคุกกันหมด ซึ่งตนเองได้ขุดหลุมพรางไว้แล้ว รวมทั้งเรื่องสำนวนการสอบสวนที่ถูกเปิดเผยนั้นก็เป็นเรื่องที่ผิดพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร เรื่องการรักษาความลับทางราชการด้วย
ส่วนประเด็นเส้นทางการเงินที่มีการพาดพิงว่าเชื่อมโยงกับบัญชีม้าเว็บพนันออนไลน์นั้น พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า ไม่มีเส้นทางการเงินจากบัญชีม้าเชื่อมโยงไปยังตนเองแม้แต่เส้นเดียว แต่หากลูกน้องทำผิดก็ต้องตรวจสอบและให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ไปไม่ใช่จะลากมาพันกับตน เพื่อให้ตนเสียชื่อเสียง แม้ก่อนหน้านี้ตนจะเคยกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ที่ลูกน้องกระทำผิดแล้วหัวหน้าจะไม่รู้เรื่องนั้น ยอมรับว่าตนเองไม่สามารถรับรู้ได้ทุกเรื่องว่าผู้ใต้บังคับบัญชามีพฤติการณ์อย่างไร แม้จะทำงานด้วยกันมาเป็น 10 ปี และยืนยันว่าไม่มีเงินจากเว็บพนันโอนเข้าบัญชีญาติตนด้วย
กรณีที่ตำรวจจะเรียกแม่ตัวเองมาสอบปากคำเพิ่มเติมก็ยินดี รวมทั้งกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตนนำเงินไปทำบุญจำนวนมากเพื่อเลี่ยงภาษีนั้นไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่ามีการทำบุญหลาย 10 วัด ชี้แจงได้หมดไม่มีการเลี่ยงภาษี และประเด็นเรื่องร่ำรวยผิดปกตินั้นก็ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบแล้วทุกปี
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า วันนี้สื่อมวลชนรู้อยู่ว่าตำรวจกลุ่มไหนรับเงินเว็บพนันอยู่ รับกันเป็น 100 ล้าน ตำรวจทั้ง ตร.รู้หมด ทำไมไม่ไปดำเนินการ เหตุใดจึงพุ่งเป้ามาที่ตนเองคนเดียว มาปัดแข้งปัดขากันอยู่ทำไม ซึ่งหากมอบหมายให้ตนเองปราบเว็บพนันออนไลน์ มั่นใจว่า 7 วันก็สามารถปราบได้หมด พร้อมฝากไปถึงตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าให้แข่งกันทำงานดีกว่า อย่าอิจฉาริษยา เรื่องรุ่นไม่เกี่ยว ยศตำแหน่งขึ้นอยู่กับบุญวาสนาของแต่ละคน ซึ่งบางคดีไม่มีคนทำ ตนเองต้องทำแทนจนมีผลงานมากมาย เชื่อว่าหากตนเองลงสมัคร สส.ภาคอีสานก็ได้รับเลือกอย่างแน่นอน
พร้อมขอเรียกร้องให้นายตำรวจระดับพลเอกหรือพลโทเป็นผู้ออกมาให้ข้อมูลบ้าง อย่าเป็นอีแอบ ปอดแหกให้ลูกน้องออกมาตายอย่างเดียว ขอให้เอาเบอร์ใหญ่ๆ ออกมาขี้แจงบ้าง วันนี้จึงได้มอบหมายให้ทนายความไปแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนกว่า 200 คน รวมทั้งพล.ต.อ.อีก 2 คน ซึ่งยังรับราชการตำรวจอยู่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ไม่ได้มีความสนิทสนมกับ ป.ป.ช. และไม่ได้มีความประสงค์ที่จะประสานให้ป.ป.ช.รับสำนวนคดีดังกล่าวไปดำเนินการเพื่อให้ตนเองมีทางรอด และไม่ได้ มีการประสานไปยังผู้ใหญ่เพื่อให้เคลียร์เรื่องนี้ ที่เห็นตนเองไปอยู่ใกล้ๆ บ้านจันทร์ส่องหล้าวานนี้ก็ไปดูแลงานด้านความมั่นคงเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปในบ้าน และไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไร