ตำรวจคลั่ง ป่วยทางจิตกระหน่ำแทงชาวบ้านดับ

ตำรวจคลั่ง ป่วยทางจิตกระหน่ำแทงชาวบ้านดับ

View icon 247
วันที่ 25 ก.พ. 2567 | 08.33 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ชาวบ้านไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านแฟลตตำรวจ ถูกส.ต.อ.คลั่งสติแตก ถีบล้ม ก่อนใช้มีดกระหน่ำแทงเสียชีวิต ตรวจสอบพบ ตำรวจมีการพบแพทย์เพื่อรักษาอาการจิตเวช ตั้งแต่ปี 2565

ตำรวจคลั่ง - วานนี้ (24 ก.พ.67) พนักงานสอบสวน สภ.ชะอวด และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าให้การช่วยเหลือ หลังจากรับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มคลั่ง บริเวณหน้าศูนย์ กศน.ตรงข้ามแฟลตตำรวจ สภ.ชะอวด มีผู้บาดเจ็บสาหัส เป็นหญิง 2 คน คือ น.ส.ประภา อายุ 69 ปี มีบาดแผลถูกแทงตามใบหน้าและแขนทั้ง 2 ข้าง เป็นแผลฉกรรจ์หลายแผล อีกคนคือ น.ส.วิจิตตรา  อายุ 51 ปี มีบาดแผลถูกแทงตรงโหนกแก้มทั้ง 2ข้าง แขนทั้ง2ข้าง และแผ่นหลังเกือบ 10 แผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ส่วนตำรวจคลั่งเจ้าหน้าที่คุมตัวไว้ได้คือ ส.ต.อ.ชวนิล  ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ป.สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ทำหน้าที่พลขับ รถตรวจสอบที่เกิดเหตุของพนักงานสอบสวน สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช

เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลได้ความว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายและผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาจากหาดใหญ่มาร่วมทำบุญแห่ผ้าขึ้นธาตุที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมืองนครศรีธรรมราช หลังจากนั้นได้เดินทางมาเยี่ยมญาติพี่น้องที่ชะอวด  ขณะที่ขับรถจักรยานยนต์ผ่านหน้าแฟลตตำรวจ ก็ถูกส.ต.อ.ชวนิล  ถีบรถจักรยานยนต์จนล้มคว่ำ แล้วเข้ามากระหน่ำแทง ท่ามกลางชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก

นางอุมาวดี อายุ 49 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต กล่าวด้วยความคับแค้นใจว่า กลัวคดีไม่ได้รับความเป็นธรรม กลัวพี่สาวจะตายฟรี ชชยิ่งผู้ก่อนเหตุเป็นตำรวจด้วยยิ่งน่ากลัว เพื่อตำรวจบอกว่า ผู้ก่อเหตุป่วยทางจิต แต่ยังมาปฎิบัตหน้าที่ อีกทั้งไปถามตำรวจ สภ.ชะอวด ว่าผู้ก่อเหตุ ชื่ออะไร อยู่โรงพักไหน ทางตำรวจบอกว่าไม่รู้จักชื่อ และไม่รู้ว่าโรงพักไหน จะให้เชื่อใจในการทำงานได้อย่างไร และหลังเกิดเหตุจับตัวได้ก็ไม่มีการตรวจวัดแอลกออร์หรือตรวจสารเสพติด จนทำให้ญาติผู้เสียชีวิตคาใจ

พันตำรวจเอกสมพร นิติภักดิ์ ผู้กำกับการ สภ.ชะอวด นครศรีธรรมราช ระบุว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้ขับรถยนต์ตกข้างทาง เจ้าหน้าที่รถยกได้ไปช่วยเหลือ และนำรถยนต์คันที่เกิดเหตุมาที่ หน้าบ้านพักตำรวจ สภ.ชะอวด จากนั้นผู้ต้องหา ได้โทรศัพท์พูดคุยกับมารดา และไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้จึงได้ไล่ทำร้ายบุคคล ที่อยู่บริเวณดังกล่าวด้วยอาวุธมีดแบบพับ ขนาดด้ามยาว 4.5 นิ้ว คมมีดยาว 3.5 นิ้ว

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการควบคุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นตำรวจดำเนินคดีทันที และเมื่อมีการตรวจประวัติผู้ต้องหาทราบว่า ได้มีการพบแพทย์เพื่อรักษาอาการจิตเวชที่ รพ.จิตเวชสงขลา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2565และรับยาตามแพทย์สั่งมากินอยู่ประจำทุกเดือน จนครั้งสุดก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 เดือน แพทย์วินิจฉัยว่าอาการดีขึ้น จึงลดยา และนัดพบแพทย์อีก 3 เดือน ซึ่งครั้ง ต่อไป แพทย์นัดพบในวันที่ 5 มีนาคม 2567 และในวันเกิดเหตุได้ดื่มสุรามาก่อน ตรวจวัดหลังเกิดเหตุได้ 49 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ได้ตรวจสารเสพติดไม่พบสารเสพติดในปัสสาวะ ซึ่งสาเหตุที่ก่อเหตุน่าจะเกิดจากดื่มสุราจนเมาแล้วคุ้มคลั่ง