สนามข่าว 7 สี - ตอนแรกมีกลิ่นไม่ดีว่าจะมีข่าวฉาว "รองอัยการสูงสุด" ลวนลาม "อัยการหญิง" ผู้สื่อข่าวก็เตรียมขุดเรื่องนี้กันเต็มที่ ไปดักรอดูความเคลื่อนไหว หลังการประชุมคณะกรรมการอัยการ หรือ ก.อ. แต่สุดท้ายเงียบ ไม่มีใครออกมาพูด ซ้ำยังมีรายงานข่าวสรุปผลออกมาแบบชวนให้งง ว่าเรื่องนี้จะจบไปแบบนี้จริงหรือ
เดิมมีข่าวว่ามี "อัยการหญิง" คนหนึ่ง ไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.ท่าฉัตรไชย จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ว่าถูก "รองอัยการสูงสุด" ท่านหนึ่งกระทำลวนลาม ถามกับทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ก็บอกว่ายังไม่ทราบเรื่อง ยังไม่เห็นมีรายงานเรื่องนี้เข้ามา
ผู้สื่อข่าวก็ไปได้ข้อมูลตามใบบันทึกแจ้งความมาว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ตอนประมาณ 19.00 น. ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านเหม่งจ๋าย กรุงเทพฯ โดยคู่กรณีที่ไปกินข้าวอยู่ในร้าน เดินเข้ามาสวมกอด โดยที่ผู้เสียหายไม่ยินยอม จากนั้นก็พยายามชวนให้ดื่มไวน์ และชวนไปดูบ้านที่ย่านรามคำแหง ผู้เสียหายปฏิเสธยาก เพราะอีกฝ่ายเป็นข้าราชการระดับสูง จำใจต้องตามขึ้นรถไป แต่ปรากฏว่าระหว่างอยู่ในรถ กลับถูกเอื้อมมือโอบกอด ขอหอมแก้ม ผู้เสียหายเห็นว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม จึงปฏิเสธ ก่อนจะถูกไล่ลงจากรถ
หลังเรื่องนี้กลายเป็นข่าว รองอัยการสูงสุดที่เป็นคู่กรณี ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.วังทองหลาง ขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เนื้อหาเป็นการปฏิเสธว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ข่าวที่ออกมาทำให้ตนเองได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง คาดว่าสาเหตุมาจากที่อัยการหญิงคนนี้ ไม่พอใจที่ถูกโยกย้าย หากตรวจสอบแล้วพบว่าเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดในข้อหาใด จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
จากนั้นพอมีข่าวว่า เมื่อวานจะมีการประชุม ก.อ. และมีข่าวว่า อัยการหญิงจะเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม สื่อมวลชนหลายสำนักจึงไปติดตามดูความเคลื่อนไหว พอไม่เห็นมาเสียที ก็เลยโทรศัพท์ไปถามเจ้าตัว ซึ่งก็ตอบกลับมาแบบเสียงแข็ง ปฏิเสธไม่ขอให้สัมภาษณ์ ส่วน รองอัยการสูงสุดคู่กรณีตัดสายทิ้ง และหลังการประชุมก็ไม่มีใครออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้
จากการสอบถามกับแหล่งข่าว ก็มีการตั้งข้อสังเกตไว้แบบนี้ ระหว่างที่มีการประชุมพิจารณาโยกย้ายตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ที่ถูกกล่าวหา มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเรื่องที่อัยการสาวยื่นเรื่องร้องเรียน มีเพียงการขอความเป็นธรรมให้ทบทวนพิจารณาโยกย้ายตำแหน่งใหม่ ไม่มีประเด็นขอให้ตรวจสอบ หรือลงโทษคู่กรณีจากเรื่องที่ถูกลวนลาม และผลจากที่ประชุม ก.อ. ก็มีมติเห็นควรให้ อัยการหญิงคนดังกล่าว ย้ายไปประจำสำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ต ตามคำขอ
โดยที่คู่กรณีซึ่งก่อนหน้านี้เคยอภิปรายคัดค้านในที่ประชุม ระบุว่า อัยการหญิงคนนี้ มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม เรียกรับผลประโยชน์ กลับไม่ได้อภิปรายคัดค้านมติในที่ประชุมแต่อย่างใด และที่ประชุม ก.อ. ก็จบลง โดยที่ไม่มีการนำเรื่องคดีความของทั้งสองมาพูดถึงแต่อย่างใดด้วย จนชวนให้ตั้งข้อสังเกตว่า หรือเรื่องนี้จะจบลงแต่เพียงเท่านี้ ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่า คดีความของทั้งสองฝ่ายที่เคยแจ้งความไว้ จะต่างฝ่ายต่างถอนแจ้งความกันไปแบบเงียบ ๆ หรือไม่
