เปิดข้อมูลศูนย์อนุรักษ์ช้างของต่างชาติคู่กรณี แพทย์หญิง

View icon 545
วันที่ 1 มี.ค. 2567 | 16.34 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ชาวต่างชาติที่ถูกกล่าวหาว่าเตะหลังแพทย์หญิง พักอาศัยที่ภูเก็ตกับภรรยา มีการเปิดเผยข้อมูลตั้งแต่วันแรกว่า เปิดศูนย์อนุรักษ์ช้างอยู่ในภูเก็ต ล่าสุดแหล่งข่าวที่เคยนำช้างไปรับจ้างทำงานในศูนย์อนุรักษ์แห่งนี้ ให้ข้อมูลกับข่าวเย็นประเด็นร้อนว่า ช้างที่ศูนย์อนุรักษ์ เป็นช้างที่ถูกจ้างมา และเมื่อช้างหมดประโยชน์ หรือเจ้าของศูนย์ไม่พอใจ จะถูกขับไล่ออกทั้งช้างทั้งคนเลี้ยง ขัดแย้งภาพความเป็นศูนย์อนุรักษ์ช้าง ที่ตั้งขึ้นเพื่อปกป้องช้างไทย

เปิดข้อมูลศูนย์อนุรักษ์ช้างของต่างชาติคู่กรณี แพทย์หญิง
ศูนย์อนุรักษ์ช้างแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ซอยเชิงทะเล 1 ถนนศรีสุนทร ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ตามข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทตั้งแต่ปี 2560 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ต่อมาเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 4 ล้านบาทในปีเดียวกัน มีผู้ถือหุ้น 3 คน คือ ชาวต่างชาติที่เป็นคู่กรณีเตะแพทย์หญิง ภรรยาชาวต่างชาติ และญาติของภรรยา โดยภรรยาและญาติถือหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ ส่วนชาวต่างชาติที่เป็นสามีถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์ ทั้ง 3 คนนี้ เป็นกรรมการบริษัท

รายได้ 5 ปีย้อนหลัง ปี 2565 กำไรสูงที่สุด 7.7 ล้านบาท
รายได้รวมของศูนย์อนุรักษ์ช้าง ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปี 2561 รายได้รวม 38 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3.5 ล้านบาท ปี 2562 รายได้รวม 53 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4 ล้านบาท ปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่โควิด-19 ระบาด รายได้รวม 19 ล้านบาท ขาดทุน 1 ล้านบาท ปี 2564 รายได้รวม 200,000 บาท ขาดทุน 8 ล้านบาท ปี 2565 รายได้รวม 46 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7.7 ล้านบาท

ชายต่างชาติคู่กรณี แพทย์หญิง ใฝ่ฝันปกป้องช้างในไทย
เข้าไปดูในเว็บไซต์ของศูนย์อนุรักษ์ช้างแห่งนี้ เขียนที่มาที่ไปว่า เริ่มจากความฝันของชายชาวต่างชาติ ที่ใฝ่ฝันจะปกป้องช้างในไทย เพราะเขาเรียนรู้ว่า ช้างไทยจำนวนมาก อาศัยอยู่ในสภาพที่เลวร้าย การเปิดศูนย์อนุรักษ์ช้าง จึงเป็นเรื่องของการทำตามความฝันและหัวใจ ทำให้ช้างที่ถูกทารุณกรรมได้รับโอกาสมีชีวิตอีกครั้ง โดยไม่ต้องถูกล่ามโซ่หรือทุบตี

เจ้าของช้างปูด เมียชาวต่างชาติ ตระเวนจ้างช้างเข้าศูนย์อนุรักษ์
ในเว็บไซต์ของศูนย์อนุรักษ์ช้าง จะมีการลงภาพช้างไว้หลายเชือก และภาพของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยว เยี่ยมชม ให้อาหารช้าง อาบน้ำให้ช้าง โดยมีค่าเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 2,500 บาท เด็กอายุ 5-10 ปี 1,900 บาท อายุต่ำกว่า 5 ปีเข้าฟรี

ข่าวเย็นประเด็นร้อน สอบถามเจ้าของช้างรายหนึ่ง ที่เคยนำช้างไปรับจ้างที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างแห่งนี้ เล่าว่า ได้รับการติดต่อจากภรรยาชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นคนอุตรดิตถ์ ให้นำช้างไปรับจ้างในศูนย์อนุรักษ์ช้าง เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติอาบน้ำช้าง ให้อาหารช้าง จึงตัดสินใจไป รับจ้างได้ประมาณ 6 เดือน ภรรยาของชาวต่างชาติ ให้ผู้มีอิทธิพลและตำรวจชั้นประทวน ซึ่งเป็นลูกชายของภรรยาชาวต่างชาติ มาบอกให้ขนช้างออกจากศูนย์ในเย็นวันนั้นเลย และนำช้างจากที่อื่นมาแทน แต่การขนช้างไม่สามารถทำได้ทันที จึงโดนผู้มีอิทธิพลและตำรวจที่เป็นลูกชายภรรยาชาวต่างชาติ ไล่ออกทั้งช้างและคน ต่อมามีเจ้าของช้างรายอื่นเข้าไปรับจ้าง ถ้าไม่พอใจ ก็ลูกไล่ออกเหมือนกัน

ภรรยายืนยันสามีต่างชาติ ใช้เงินส่วนตัวดูแลช้าง 40 กว่าล้านบาท
ในการแถลงขอโทษของนายเดวิด ชายชาวต่างชาติและภรรยา ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นักข่าวถามประเด็นเรื่องการทำศูนย์อนุรักษ์ช้างด้วย ซึ่งนายเดวิด บอกว่ายินดีให้ตรวจสอบ ดำเนินการและขออนุญาตถูกต้องทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามกระแสข่าวมูลนิธิที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรับบริจาคจากต่างประเทศด้วยซึ่ง นางคนึงนิท ผู้เป็นภรรยา บอกว่า ตั้งไว้แต่ยังไม่มีเงินเข้า เป็นการเอาเงินของนายเดวิดจากต่างประเทศมาช่วยสนับสนุนไปก่อน โดยในช่วงโควิด-19 นายเดวิด นำเงินส่วนตัว 40 กว่าล้านมาสนับสนุนช้าง เลี้ยงช้าง เลี้ยงพนักงาน พยายามพยุงกัน ซึ่งเป็นเงินของนายเดวิด ทุกบาททุกสตางค์ ส่วนที่เก็บเงินค่าเข้าศูนย์อนุรักษ์ช้าง เป็นในส่วนของการให้บริการในส่วนของศูนย์อนุรักษ์ช้าง

ปศุสัตว์ไมโครชิปช้าง 14 เชือก พบถูกต้อง
ขณะที่ความเคลื่อนไหวหนึ่ง เจ้าหน้าที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ตพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่อำเภอถลาง และองค์กรปกครองท้องถิ่นที่รับชอบ ลงพื้นที่ตรวจสอบศูนย์อนุรักษ์ช้างของชาวต่างชาติดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัด ได้ตรวจสแกนไมโครชิปช้างทั้ง 14 เชือก พบว่ามีไมโครชิปถูกต้องทุกตัวส่วนใบอนุญาตประกอบกิจการปางช้างนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบก็พบว่ามีการขออนุญาตถูกต้องเช่นกัน

คนเลี้ยงช้าง ไม่เห็นด้วยนำช้างไปหาประโยชน์
เรื่องช้าง มีเลี้ยงกันเยอะที่สุรินทร์ และบุรีรัมย์ โดยคนเลี้ยงช้างที่บุรีรัมย์คนนี้ บอกว่า ตนให้ลูกชายและลูกสะใภ้เอาช้างเดินทางไปเข้าปางช้างที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ไปอยู่กับปางช้างของชาวต่างชาติที่กำลังเป็นข่าว ซึ่งในฐานะคนเลี้ยงช้าง รู้สึกติดใจตรงที่การเปิดศูนย์อนุรักษ์ช้าง แล้วเปิดรับบริจาคของชาวต่างชาติ คิดว่าไม่สมควรเพราะเป็นการกระทำคล้ายกับการหาเงินมากกว่า พวกตนคนเลี้ยงช้างตัวจริง ต้องหาอาหารให้ช้างเอง ตอนหน้าแล้งต้องซื้อหญ้า ซื้ออ้อยมาเลี้ยงช้างด้วยตนเอง เพราะช้างเป็นมรดกที่พ่อแม่ส่งต่อมา ไม่เคยคิดที่จะเอาช้างไปโพสต์เปิดรับบริจาค

ข่าวที่เกี่ยวข้อง