ปัญหาใต้พรม ปมเหตุจากการแย่งพื้นที่ "หากิน" ศึกกะเทยสุขุมวิท 11 ระหว่าง "กะเทยฟิลิปปินส์ กับ กะเทยไทย"
ซึ่งจากคำกล่าวอ้าง เผยว่า เริ่มต้นจากกลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์กว่า 20 คน เข้าไปมีปัญหากับกลุ่มกะเทยไทย 4 คน เพราะเขม่นกันเรื่องพื้นที่ "หากิน" โดยกลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์ กว่า 20 คน ได้เข้าไปรุมทำร้ายกะเทยไทย 4 คน แล้วทำการถ่ายคลิปวิดีโอขณะทำร้ายร่างกายกะเทยไทย ไปเผยแพร่ในโลกโซเชียลของฟิลิปปินส์ และมีบางคอมเมนต์เหยียดหยาม "กะเทยไทย"
เรื่องดังกล่าวจึงนำมาสู่เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ (4 ก.พ. 67) "กะเทยไทย" รวมกลุ่มกันที่ซอยสุขุมวิท 11 บริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง เพื่อต้องการเคลียร์ใจ กับกลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์คู่กรณี จนนำมาสู่ภาพตะลุมบอน
เหตุการณ์นี้สะท้อนอะไรในสังคมไทย?
ข้อมูลจากแหล่งข่าว รายงานว่า พื้นที่สุขุมวิท 11 และซอยนานา มีสาวนักเที่ยว ทั้งผู้หญิงและสาวประเภทสอง (กะเทย) แต่ส่วนมากจะเป็นสาวประเภทสอง ที่มานั่งดื่ม และแฝงตัว "ขายบริการ" ในพื้นที่นี้
โดยเมื่ออดีตเป็นการนั่งประจำร้าน หรือยืนตามจุดต่างๆ ภายในซอย หากลูกค้าสนใจก็จะเรียกมาบริการ และยุคปัจจุบันนี้มีแอปพลิเคชันหาคู่ที่สามารถจับพิกัดหนุ่มๆ ที่อยู่ในรัศมีใกล้เคียงได้ สาวบริการจึงใช้เป็นอีกช่องทางในการหาลูกค้า ส่วนเรตราคานั้นแล้วแต่ละบุคคลจะตั้งราคา โดยมีราคาหลักร้อย ถึงหลักพัน ซึ่งมักจะเกิดปัญหาการตัดราคากันอยู่บ่อยครั้ง จนนำมาสู่การตบตีกันในที่สุด จนถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในซอย
ยิ่งกว่านั้นคือ มีชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มสาวประเภทสองของฟิลิปปินส์ ที่เข้ามาประเทศไทย คาดว่ามาด้วย "วีซาท่องเที่ยว" แต่กลับมาลักลอบขายบริการในไทย ยึดพื้นที่และตัดราคา ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน และการเข้ามาลักลอบขายบริการของสาวประเภทสองของฟิลิปปินส์ มีมานานมากแล้ว
ไม่เพียงแค่พื้นที่ซอยสุขุมวิท 11 เท่านั้น ยังมีแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนหลายจุดในประเทศไทย ที่มีชาวต่างชาติทั้งผู้หญิง และสาวประเภทสอง ที่เข้ามาลักลอบขายบริการในประเทศไทย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นคำถามคำโตว่า ทางการจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เหตุใดจึงปล่อยให้ปัญหาซุกใต้พรม หรือกฎหมายต้องกำหนดไปทิศทางใด
