สนามข่าว 7 สี - เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทระหว่างกลุ่ม LGBTQ+ หรือ "กะเทย" ชาวไทย และชาวฟิลิปปินส์ ที่กลายเป็นข่าวใหญ่โต มีตอนจบออกมาค่อนข้างดี หลังทั้ง 2 ฝ่าย เจรจาไกล่เกลี่ยยอมความกัน แต่ส่วนคดีแรกที่ทำร้ายกันตอนเช้ามืด ก็ต้องบอกว่า "จบไม่แย่" เพราะผู้ก่อเหตุยอมรับผิดในสิ่งที่ได้ทำลงไป
เป็นการเปิดใจระหว่างที่ตำรวจ สน.ลุมพินี คุมตัวผู้ต้องหาชาวฟิลิปปินส์ 2 คน ที่ทำร้าย 6 กะเทยไทย เมื่อเช้ามืดวันที่ 4 มีนาคม ไปส่งฟ้องศาลแขวงปทุมวัน ในข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ที่มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แต่เพราะผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ประกอบกับเป็นความผิดครั้งแรก ศาลจึงสั่งแค่โทษปรับคนละ 5,000 บาท ก่อนส่งตัวให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศ คดีนี้ก็ไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เพราะตำรวจได้ออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 คน แล้วยังต้องขยายผลพิสูจน์ทราบเอาผิดกับคนที่ร่วมก่อเหตุที่เหลือต่อไปด้วย
ส่วนคดีที่ 2 ที่เป็นเหตุทะเลาะวิวาทใหญ่ ระหว่างกลุ่มกะเทยไทย และกลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์ มีทางออกที่ดีกว่า เมื่อ "ไอวี่" ผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ประสงค์จะเจรจาไกล่เกลี่ยกับ "แชมป์" ผู้ต้องหาที่ถูกระบุตัวว่าเป็นคนลงมือทำร้ายร่างกาย ที่ได้รับการประกันตัวไปก่อนหน้านี้
ตำรวจ สน.ลุมพินี จึงประสานกับสถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เรียกกะเทยชาวฟิลิปปินส์ มาคุยกันอยู่นานประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนได้ข้อสรุปว่า ผู้ก่อเหตุจะเยียวยาค่ารักษาพยาบาลและมอบเงิน 10,000 บาท ให้กับผู้เสียหาย ส่วนผู้เสียหายเอง จริง ๆ ก็ไม่ได้เรียกร้องจำนวนเงิน แต่ก็พร้อมจะรับเงินที่มอบให้ พร้อมบอกว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อกันอีก และอยากฝากเรื่องนี้ไปถึงคนไทยทุกคนด้วย
ทั้ง 2 คดี ก็มีบทลงเอยประมาณนี้ แต่ส่วนต่อส่วนขยาย ก็ยังเป็นที่จับตามองกันอยู่ โดยเฉพาะเรื่องที่ถูกชาวโซเชียลถามว่า จริงหรือที่ไม่มีการค้าประเวณีที่ย่านสุขุมวิท
เรื่องนี้ พลตำรวจตรี วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ชี้แจงว่า การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในพื้นที่ จะส่งชุดสายตรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ออกกวดขัน จับกุม อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งที่ผ่านมา ไม่พบมีการค้าประเวณีของกะเทยชาวฟิลิปปินส์ในจุดเกิดเหตุ หรือซอยข้างเคียง
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีนายหน้าให้วีซานักท่องเที่ยวกับชาวฟิลิปปินส์เข้ามาในไทย 20-30 วัน เพื่อมาทำงานอย่างที่ว่า ก็ให้ข้อสังเกตว่า ประเทศในอาเซียนไม่จำเป็นต้องใช้วีซา ฉะนั้นที่พูดมาจะจริงหรือไม่จริง บอกไม่ได้ แต่ตำรวจจะตรวจสอบอย่างละเอียดว่ากลุ่มคนเหล่านี้เข้ามาค้าประเวณีหรือไม่ นอกจากนี้ยังยืนยันด้วยว่า เรื่องที่มีกระแสข่าวระบุว่าตำรวจรับส่วย เพื่ออนุญาตให้ค้าประเวณีได้นั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด