ที่ปรึกษาธรรมนัส - ปปป. บุกตรวจหมุด ส.ป.ก. ยกระดับสอบวินัยร้ายแรง

ที่ปรึกษาธรรมนัส - ปปป. บุกตรวจหมุด ส.ป.ก. ยกระดับสอบวินัยร้ายแรง

View icon 204
วันที่ 7 มี.ค. 2567 | 11.43 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ยกระดับสอบวินัยร้ายแรง ที่ปรึกษาธรรมนัส ตำรวจ ปปป. บุกตรวจหมุด ส.ป.ก. สอบให้ชัดออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบหรือไม่ ผู้ได้รับการจัดสรรยืนยันไม่ใช่นอมินี เคยทำกินมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ปลูกมัน ปลูกข้าวโพด ขณะนำชี้แนวเขตบริเวณพื้นที่รอยต่อพบร่องรอยช้างป่า

นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบการจัดสรรที่ดินของ ส.ป.ก. ที่ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ตามที่มีการร้องเรียนการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ไม่ได้จัดสรรที่ดินให้กับเกษตรกร โดยเป็นการลงพื้นที่พร้อมกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. โดยเนื้อที่ทั้งหมดที่จะมีการจัดสรร 59 แปลง จัดสรรไปแล้ว 12 แปลง

พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ปปป. กล่าวว่า ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบว่า มีการออก ส.ป.ก.โดยไม่ชอบหรือไม่ และจะสอบปากคำผู้ได้รับการจัดสรรเอกสารสิทธิ์ที่ดิน 6-7 คน รวมถึงสอบปากคำกำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อพิสูจน์ว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ 

ในช่วงเช้าวันนี้ น.ส.เพียงตะวัน และนายนพวรรฒห์ ราษฎรที่ปรากฎชื่อได้รับการจัดสรรที่ดิน นำเจ้าหน้าที่ชี้แนวเขตที่ดินที่ได้รับการจัดสรร ทั้งนี้ตามเอกสารที่ระบุในใบรังวัดที่ดินของนางเพียงตะวัน ระบุว่า ปลูกมัน ปลูกข้าวโพด แต่สภาพที่ดินยังคงสภาพป่ารก อีกทั้งระหว่างนางเพียงตะวันและนายธนวัฒน์ พร้อมกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน เดินไปชี้แนวเขตที่ได้รับการจัดสรร พบร่องรอยช้างป่า และรอยขี้ช้าง เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ระบุว่าเป็นร่องรอยของพลายด้วน

น.ส.เพียงตะวัน ชี้แจงว่า มีภูมิลำเนาอยู่ใน ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง ในอดีตเคยครอบครัวได้ทำกินในบริเวณที่ได้รับการจัดสรรจาก ส.ป.ก. มาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ปลูกมันสำปะหลังและปลูกข้าวโพด ต่อมาปี 2535-2536 ได้ย้ายครอบครัวออกไปนอกพื้นที่ เพราะเจ้าหน้าที่ป่าไม้แจ้งว่าเป็นเขตป่า กระทั่งได้รับการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ในปี 2566 ยืนยันว่าเป็นราษฎรผู้ไม่มีที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัยใน ต.หนองสาหร่ายก็ไม่มีเอกสารสิทธิ และไม่เคยมีความคิดจะขายที่ดิน จะมีก็เพียงแบ่งให้ญาติที่ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีที่ดินทำกินได้เข้ามาทำเกษตร ส่วนบันทึกทำการรังวัดนั้น ได้ไปลงลายมือชื่อที่ ส.ป.ก.นครราชสีมา โดย เจ้าหน้าที่เป็นคนบอกให้ลงลายมือชื่อ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ชายหรือผู้หญิง

น.ส.เพียงตะวัน ย้ำว่า ไม่ใช่คนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินมากถึง 20 แปลง ได้รับการจัดสรรที่ดิน 2 แปลง เนื้อที่ 38 ไร่ กับ 11 ไร่ และมีที่ดินของลูกสะใภ้อีก 2 แปลง ตนจะเป็นอมินีได้อย่างไร หน้าตาแบบนี้จะกินก็ยังไม่มี โดยยอมรับว่าก่อนได้รับการจัดสรรที่ดิน ได้ไปติดต่อ ส.ป.ก. ประมาณ 5-6 ครั้ง 

ส่วนนายธนวัฒน์ ให้ข้อมูลว่า มีอาชีพรับจ้างทั่วไปและทำเกษตร มีที่ดิน 2 แปลง แปลงละ 15 ไร่ มีหมุด ส.ป.ก. และเอกสารครบจึงเข้ามาแผ้วถางที่ดิน

ด้านนายภวภัทร สีหาคม ที่ปรึกษาผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ยืนยันว่า ผู้ใหญ่บ้านไม่เคยรับทราบการเข้ามารังวัดที่ดินในจุดนี้ กลับกันผู้ใหญ่บ้านเองยังเป็นคนคัดค้านในเรื่องนี้ด้วยเพราะเคยเข้าไปสอบถามจากเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้มาแล้ว

ขณะที่นายธนดล กล่าวยืนยันในช่วงท้ายว่า โดยหลักของกฎหมายนั้น การทำบันทึกทำการรังวัด ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องอยู่พร้อมกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ได้รับจัดสรรที่ดิน ผู้ใหญ่บ้าน พยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่และผู้ทำการรังวัด ซึ่งทั้ง 4 คน จะต้องเป็นผู้ลงลายมือชื่อในเอกสาร เบื้องต้นพบหลักฐานส่อว่าเจ้าหน้าที่อาจกระทำโดยมิชอบ จะยกระดับสอบสวนความผิดทางวินัยร้ายแรงกับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง