สำนักข่าว "ซีเอ็นเอ็น" จัดทำบทวิเคราะห์เกี่ยวกับท่าทีของรัฐบาลจีนต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ ซึ่งคาดว่า จะเป็นการชิงชัยกันของประธานาธิบดี "โจ ไบเดน" จากพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" จากพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นการพบกันอีกครั้งของสองผู้สมัครจาก 4 ปีที่แล้ว
ในช่วงสัปดาห์นี้ ทางการจีนได้จัดประชุมสองสภาประจำปี ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งมีการประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ และสภาประชาชนแห่งชาติ ซึ่งในการประชุมด้านยุทธศาสตร์กิจการต่างประเทศ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า การกลับมาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจทำให้เกิดเรื่องบ้าบอที่ยากจะคาดเดา ขณะที่คณะกรรมการด้านยุทธศาสตร์ต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประเมินว่า หากนายทรัมป์กลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้ง เขาอาจตั้งกำแพงภาษีสินค้าจากจีนขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ จากที่เคยตั้งไว้ 25 เปอร์เซ็นต์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาวะเศรษฐกิจของจีน ที่กำลังประสบปัญหาการลดการบริโภคภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม การที่นายทรัมป์อาจกลับมาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ รอบที่ 2 เป็นผลดีต่อจีน ในแง่ที่นายทรัมป์มีจุดยืนให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นลำดับแรก ตามนโยบาย "อเมริกา เฟิร์ส" ซึ่งจะทำให้จีนลดความกดดันในการขยายอิทธิพลทั่วโลก
ขณะเดียวกัน หากนายไบเดนชนะการเลือกตั้งและได้กลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ รอบใหม่ จีนจะเผชิญกับปัญหาเรื่องที่นายไบเดนห้ามบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ขายวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ และลงทุนในเทคโนโลยี เอไอ ให้กับบริษัทเอกชนในจีน เนื่องจากไม่ต้องการให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวให้กับกองทัพจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ นายไบเดนยังยกระดับความร่วมมือกับชาติพันธมิตรในเอเชีย-แปซิฟิก และอาเซียน ในการร่วมกันสกัดกั้นการแผ่อิทธิพลของจีน รวมถึงสนับสนุนไต้หวันในการแสดงจุดยืนเป็นอิสระจากจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย
สำนักข่าว "ซีเอ็นเอ็น" ได้จัดทำข้อสรุปในท้ายที่สุดว่า ไม่ว่านายไบเดนหรือนายทรัมป์ ได้เป็นผู้นำสหรัฐฯ ทางการจีนยังจะเจอแรงกดดันจากผู้นำทั้งสองที่ต้องการใช้นโยบายแข็งกร้าวกับจีน ไม่ว่าจะในด้านเศรษฐกิจหรือการเมืองระหว่างประเทศก็ตาม
