ข่าวเย็นประเด็นร้อน - กกต. มีมติเอกฉันท์ ส่งศาลรัฐธรรมนูญยื่นยุบพรรคก้าวไกล จะประเด็นรณรงค์หาเสียงแก้ไขมาตรา 112
กกต. มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบ พรรคก้าวไกล
วันนี้ (12 มี.ค.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกต. มีมติเอกฉันท์ ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณายุบพรรคก้าวไกล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 และมาตรา 93 จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์ใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครอง จากการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เสนอแก้ไขและยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
โดยก่อนที่ประชุมจะมีมติดังกล่าว ได้มีการพิจารณาผลการศึกษาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และความเห็นที่สำนักงาน กกต. เสนอ ว่าการกระทำของพรรคก้าวไกล เข้าข่ายเป็นความผิด มาตรา 92 (1) ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค เช่นเดียวกับ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะผู้ร้องศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยยุติการกระทำของพรรคก้าวไกล กรณีหาเสียงแก้ไขมาตรา 112 ก็ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต. ให้ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลพิจารณาสั่งยุบพรรคก้าวไกล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ยุคที่ถูกร้องยุบ ประกอบด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรคในขณะนั้น และมี นายชัยธวัช ตุลาธน เป็นเลขาธิการพรรค
ยันก้าวไกลเตรียมความพร้อม รับมือปมยุบพรรคไว้แล้ว
ขณะที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ระบุว่า ทางพรรคก้าวไกล และทีมกฎหมาย ได้เตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว โดยทีมกฎหมายจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง ไม่ให้เกิดการยุบพรรค และเป็นการพิสูจน์ว่าสิ่งที่พรรคทำไป ไม่ใช่สิ่งที่ผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการสร้างพรรคสำรองไว้หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า มีการรับมือ และวางแผนทุกฉากทัศน์ไว้แล้ว แต่อย่าเพิ่งด่วนพูดถึงสิ่งที่อาจยังไม่เกิดขึ้น
ถามว่าช่วงที่มีความอ่อนไหว จะมี สส.ย้ายพรรคหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทุกคนที่มาสมัครเข้าพรรค ถูกกลั่นกรองแล้ว มีชุดความคิดตรงกัน และมีเอกภาพในการขับเคลื่อนชุดความคิดให้เป็นจริง และข่าวที่เกิดขึ้น จะไม่ทำให้ สส. เสียสมาธิในการตรวจสอบรัฐบาล
