อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ย้ำ ศาลรธน. เคยมีคำวินิจฉัยกรณีล้มล้างการปกครอง แล้ว จึงต้องจับตา ว่า สามารถพิจารณายุบพรรคก้าวไกลตามที่ กกต. ส่งเรื่องมาได้เลยหรือไม่ หรือ ต้องมีสืบพยานอีก
วันนี้ (13 มี.ค.67) หลัง กกต. มีมติเอกฉันท์ เห็นชอบส่งศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิ์กก.บริหารพรรค หาเสียงแก้มาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ล่าสุด นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“ยุบพรรคก้าวไกล ถึงช้าหน่อยแต่มานะ ล่าสุด. กกต.มีมติเอกฉันท์ ยื่นศาล รธน. ว่าการกระทำของหัวหน้าพรรค นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์และพรรคก้าวไกล มีการกระทำขัดรัฐธรรมนูญ หรือไม่
กกต.ยื่นยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากมีนโยบายหาเสียงยกเลิก ม.112 และดำเนินการต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 49 วรรคหนึ่ง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่า เป็นการกระทำล้มล้างการปกครอง ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
สุดท้าย เป็นภาระหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่จะต้องรับเผือกร้อนอีกครั้ง วินิจฉัยต่อไปว่า การกระทำอย่างต่อเนื่องจากนโยบายหาเสียงของก้าวไกลเช่นนี้ ทำได้หรือไม่ ผิดหรือไม่ผิดผิดร้ายแรงต้องยุบพรรคหรือไม่และต้องตัดสิทธิทางการเมืองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารหรือไม่
ศาลต้องใช้เวลาพิจารณานานหรือไม่ ต้องสืบพยานอีกหรือไม่ หรือจะวินิจฉัยได้เลย เพราะชัดเจนในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และศาลเคยมีมติเอกฉันท์มาก่อน วินิจฉัยว่า การแก้ไขม ม.112 หรือว่าเป็นการล้มล้างการปกครองประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข”
