จับรถขนน้ำมันจากมาเลเซีย 3 คัน กว่าแสนลิตร ขณะที่ผู้ประกอบการหอบหลักฐาน ยันเป็นน้ำมันนำเข้าถูกกฎหมาย ส่งต่อประเทศที่ 3 เตรียมฟ้องกลับชุดจับกุม ทำให้เสียหาย
ช่วงกลางดึก วันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา พ.ต.อ. ธนวัต เส้งสุย ผกก. สส.3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธร ภาค 9 นำกำลังตำรวจชุดการข่าวการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงตำรวจภูธรภาค 9 ไปซุ่มบริเวณ หลังลานจอดรถด่านศุลกากรสะเดา ตำบลสำนักขาม อำเภอ สะเดา จังหวัด สงขลา ก่อนพบรถบรรทุกหัวลากแทงก์น้ำมัน 3 คัน ป้ายทะเบียนมาเลเซีย จอดอยู่ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมคนขับรถได้ 3 คน ทั้งหมด เป็นชาวมาเลเซีย และเมื่อตรวจสอบแทงก์น้ำมันท้ายรถแต่ละคน พบน้ำมันดีเซล แทงก์ละ 42,000 ลิตร รวมน้ำมันทั้งหมด 126,000 ลิตร
จากนั้นควบคุมคนขับรถชาวมาเลเซียทั้ง 3 คน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สะเดา ดำเนินคดีข้อหา ประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 (ถังน้ำมันสำหรับขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง) โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ,เป็นผู้ขนส่งนำมันเชื้อเพลิงไม่จดแจ้งต่ออธิบดี , เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำรถขนส่งน้ำมันไม่มีอนุญาตชนิดที่ 4 จากนายทะเบียน
ล่าสุดวันนี้ ( 13 มี.ค.67) ตัวแทนบริษัทขนส่งน้ำมันดังกล่าว ทั้งชาวมาเลเซีย และชาวไทย พร้อมทนายความ เข้าพบ พ.ต.ท. พิชัย ขุนทองแก้ว สว. สภ.สะเดา โดยนำเอกสารการแจ้งขนส่งน้ำมัน และเอกสารผ่านด่านพิธีการศุลกากรยื่นแสดง ยื่นประกันตัวคนขับรถน้ำมันทั้ง 3 คน ซึ่งตัวแทนบริษัทขนส่งน้ำมันชาวไทย ให้ข้อมูลยืนยันว่า บริษัทน้ำมันของตนและเพื่อนชาวมาเลเซีย นำน้ำมันออกจากโรงกลั่นในประเทศมาเลเซีย ถูกต้องตามกฎหมาย และทำมาแล้วประมาณ 10 เที่ยว โดยขนส่งไปยังประเทศที่สาม ทั้งประเทศเมียนมา ทางด่านระนอง และแม่สอด รวมทั้งไปประเทศลาว ซึ่งใช้ไทยเป็นทางผ่านเท่านั้น ยืนยันว่าไม่มีการขนน้ำมันเถื่อนแต่อย่างใด โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นขณะนี้ เฉลี่ยแล้ว รถขนน้ำ 1 คัน เสียหายวันละประมาณ 15,000 บาท หากจอดหลายวัน ก็เสียหายมากขึ้น รวมทั้งทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง และความเชื่อมั่นจากลูกค้า ผู้บริหารของบริษัทจึงเตรียมหารือเพื่อฟ้องกลับตำรวจชุดจับกุมครั้งนี้ด้วย
