PM2.5 เชียงใหม่ พุ่งอันดับ 2 ของโลกอากาศแย่

View icon 47
วันที่ 14 มี.ค. 2567 | 16.06 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - วิกฤติหนัก ค่าฝุ่น PM2.5 เชียงใหม่ พุ่งอันดับ 2 ของโลก ส่วน 32 จังหวัดเกินค่ามาตรฐาน เหนือ-อีสาน มีผลต่อสุขภาพ กทม.วันนี้อยู่ในเกณฑ์ดี

PM2.5 เชียงใหม่ พุ่งอันดับ 2 ของโลกอากาศแย่
ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ระบุว่า รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 14 มีนาคม 2567 ณ 07.00 น สรุปดังนี้ ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศ พบเกินค่ามาตรฐานในจังหวัดเชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, แม่ฮ่องสอน, พะเยา, ลำพูน, ลำปาง, แพร่, อุตรดิตถ์ เป็นต้น

โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง โดยเมื่อเวลา 08.00 น. เว็บไซต์ IQ Air ซึ่งรายงานดัชนีคุณภาพอากาศทั่วโลกแบบเรียลไทม์ จัดอันดับเมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูง (AQI) พบว่าจังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย อยู่อันดับ 2 มีค่าที่ 164 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร รองจากเดลี ประเทศอินเดีย อันดับ 1 มีค่าฝุ่น ที่ 221 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

และช่วงเที่ยง สถานการณ์ฝุ่นเชียงใหม่ เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นอีกรอบ มีค่าที่ 172 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ก็ตกลงมาอยู่ที่อันดับ 3 ของโลก เนื่องจากประเทศเนปาล มีค่าฝุ่นแซงขึ้นมาเป็นอันดับ 2 แทน

คำแนะนำทางสุขภาพ ประชาชนทั่วไปควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง ถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ทันที

จุดความร้อนน้อยสุด แต่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานกว่า 1 เดือน จ.เชียงราย
ส่วนที่จังหวัดเชียงราย เรียกว่ารับกรรมเต็ม ๆ แม้จุดความร้อนน้อยสุด แต่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานกว่า 1 เดือนแล้ว โดย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า PM2.5 ในพื้นที่อำเภอชายแดน 3 อำเภอ ที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควันไฟป่า ประกอบด้วย อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน และอำเภอเชียงของ หลังจากตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ จนถึงวันนี้ เชียงรายพบจุดความร้อนทั้งสิ้น 269 จุด ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในจังหวัดภาคเหนือตอนบน แต่ทางกลับกันสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน) รายงานว่าค่าฝุ่นละอองขนาด PM2.5 เกินมาตรฐานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 13 มีนาคม ครอบคลุมทุกจังหวัด โดยจังหวัดเชียงราย เกินมาตรฐานแล้ว 43 วัน

ทางจังหวัดเชียงราย จึงยกระดับมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในจังหวัดเชียงรายมากยิ่งขึ้น โดยจะใช้กลไกของพื้นที่ ดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา จัดชุดเคลื่อนที่เร็วในระดับอำเภอทุกอำเภอ และในระดับตำบลที่มีพื้นที่เสี่ยงชุดละ 10 คน บูรณาการการทำงานลาดตระเวน และตรึงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นชุดเหยี่ยวไฟของกรมอุทยาน ชุดเสือไฟของกรมป่าไม้ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสการเผาป่า โดยมีรางวัลในการแจ้งเบาะแสนำจับ 5,000 บาท และให้สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดเชียงราย ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน และอำเภอเชียงของ จัดทำห้องปลอดฝุ่น พร้อมเครื่องฟอกอากาศ โดยเฉพาะตามศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกแห่งให้ครบ และได้มอบหมายให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ออกเดินเคาะประตูบ้านให้คำแนะนำกลุ่มเสี่ยงคือเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคระบบทางเดินหายใจ และผู้ป่วยติดเตียง อย่างต่อเนื่อง

สำหรับหมอกควันข้ามแดน ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ขอความร่วมมือประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน ที่เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนทั้งสองประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวด้วย จึงขอความร่วมมือหลีกเลี่ยงการเผาทุกชนิด