ชาวบ้านวางลอบดักปู เจอไอซ์ ซุกกระสอบ 20 กิโลกรัม คลื่นซัด ติดป่าชายเลนแหลมสิงห์ จันทบุรี คาดล็อตเดียวกันกับไอซ์อีก 60 กิโลกรัม ที่พบเมื่อวานนี้
เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 16 มี.ค. 67 ตำรวจ สภ.เกาะเปริด รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้านว่า พบกระสอบสีดำต้องสงสัย คาดว่าด้านในจะเป็นยาเสพติด เหมือนกับที่มีการตรวจพบเจอในพื้นที่ อ.ท่าใหม่ และ อ.นายายอาม เมื่อวานที่ผ่านมา ถูกคลื่นซัดลอยมาติดป่าชายเลน ในพื้นที่หมู่ 5 ต.เกาะเปริด อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี หลังรับแจ้งต่อมา พ.ต.ท.ไกรศร บุญล้ำ สารวัตรใหญ่ สภ.เกาะเปริด สั่งการให้ตำรวจสืบสวน เดินทางตรวจสอบ โดยจุดที่พบกระสอบต้องสงสัย ต้องเดินเท้าลงไปในป่าชายเลนติดกับทะเลระยะทางประมาณ 100 เมตร
จากการตรวจเบื้องต้น พบเป็นถุงพลาสติกสีดำ สวมทับกระสอบสีดำอีกชั้น สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ เมื่อทำการเปิดปากกระสอบออกดู ภายในมีพบมีห่อพลาสติกสีดำ มีโลโก้รูปลามังกรสีทองและสีเงิน และอักษรภาษาจีน 4ตัว แพ็คเป็นก้อน บรรจุซุกซ่อนอยู่ด้านในจำนวน 20 ก้อน จึงได้ถ่ายภาพบริเวณที่ตรวจพบไว้เป็นหลักฐาน ก่อนตรวจยึดของกลางมาตรวจสอบที่โรงพัก
หลังจากนำของกลางมาถึง เจ้าหน้าที่ได้ทำการเปิดออก ดูพบว่าภายในมีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวขุ่น คล้ายไอซ์ จึงได้ใช้ น้ำยามาร์ควิส ทำการสอบ ผลปรากฏว่าเป็น เมทแอมเฟตามีน หรือ ไอซ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดของกลางไว้ทั้งหมด
ขณะที่ พ.ต.ท.ไกรศร บุญล้ำ สารวัตรใหญ่ สภ.เกาะเปริด พร้อม นายโชคชัย แสนสิทธิ์ ปลัดอาวุโสอำเภอแหลมสิงห์ เผยว่า ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 06.30 น. เช้าที่ผ่านมาได้มีชาวประมงพื้นบ้าน คือ นางภัทรศรี อายุ 68 ปี ได้ออกไปเก็บลอบปูและของเก่า โดยได้พบกับกระสอบดังกล่าว โดยตอนแรกคิดว่าเป็นอาหารปลา จึงได้แกะออกดูก็พบว่าไม่ใช่ จึงได้โยนทิ้งไป จากนั้นได้กลับบ้านไปเล่าให้น้องสาวฟัง ก่อนจะมาเอะใจว่ากระสอบที่พบ เหมือนกับที่เห็นในข่าวที่พบยาไอซ์เมื่อวาน จึงตัดสินใจกลับไปจุดที่พบและ ได้เก็บหลักฐานนำไปส่งให้ตำรวจตรวจสอบ
ทั้งนี้จากการสันนิษฐานเบื้องต้น ยาไอซ์ที่พบ น่าจะเป็นล็อตเดียวกันกับอีก 60 กิโลกรัม ที่มีการตรวจพบเมื่อวานในพื้นที่ อ.ท่าใหม่ และ อ.นายายอาม เนื่องจากมีการบรรจุหีบห่อคล้ายกัน ตลอดจนมีตราโลโก้ห่อแพ็กยาที่เหมือนกัน โดยยาไอซ์ที่ตรวจพบ จำนวน 20 กิโลกรัมในวันนี้ หากหลุดรอดออกไปจำหน่ายในตลาดปลายทาง อาจมีมูลค่าสูงถึง 6-7 ล้านบาท ทั้งนี้ทางตำรวจจะได้สืบสวนขยายผล ติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
