ห้องข่าวภาคเที่ยง - การยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกลของ กกต. เมื่อวานนี้ ไม่ถือว่าผิดความคาดหมายนัก เพราะเป็นไปตามที่มีมติเอกฉันท์ก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเทียบกับคดียื่นยุบพรรคภูมิใจไทย กลับมีคำถามสำคัญตามมา
เป็นการยื่นคำร้องผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้สั่งยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิกรรมการบริหาร เป็นการดำเนินการต่อเนื่องของ กกต. หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเมื่อวันที่ 31 มกราคม ว่าการหาเสียงแก้ไขมาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองฯ และมีผู้ไปยื่นคำร้องให้ กกต. เอาผิดพรรคก้าวไกลต่อเนื่อง
โดยต้องดูว่าวันพรุ่งนี้ คำร้องดังกล่าวเข้าที่ประชุมศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งประชุมทุกวันพุธหรือไม่
คดียุบพรรคก้าวไกล ได้เกิดคำถามมาตรฐาน กกต. เมื่อเทียบกับคดียื่นยุบพรรคภูมิใจไทย เพราะ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี กรณีรับเงินบริจาคจากบริษัทนอมินี เมื่อวันที่ 17 มกราคม ก่อนคดีของพรรคก้าวไกล 2 สัปดาห์ และมีคนยื่นร้องขอให้ กกต. ชงยุบพรรคภูมิใจไทย ฐานทำผิดตามมาตรา 92 กฎหมายพรรคการเมืองเหมือนกับพรรคก้าวไกล
ทั้งนี้ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เคยบอกว่ากรณีของพรรคภูมิใจไทย อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน แต่คดีพรรคก้าวไกลเป็นความต่อเนื่องจากคำวินิจฉัยจึงต่างกัน
อย่างไรก็ตามก็ยังมีคำถาม คือ ทั้งที่ 2 คดี ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไล่เลี่ยกัน ทำไมจึงใช้เวลาต่างกันเช่นเดิม
