จาก เมื่อคืนที่ผ่านมา มีหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯและจังหวัดปริมณฑล มีชาวโซเชียลโพสต์ถามและโพสต์ว่า ได้กลิ่นเหม็นไหม้จาง ๆ ลอยฟุ้งในอากาศ และพบสภาพท้องฟ้าขมุกขมัวมีหมอกหนาบางพื้นที่ จนนติดเทรนด์ แอปพลิเคชันเอ็กซ์ #กลิ่นไหม้ อย่างรวดเร็ว
ล่าสุด (21 มี.ค. 67) นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร ให้คำตอบถึงสาเหตุของค่าฝุ่น PM 2.5 ที่กลับมาพุ่งสูงใน กทม. ดังนี้
1. ทิศทางลมวันที่ 20 เป็นทิศตะวันออก (ตามภาพ) ซึ่งต่างจากวันอื่นๆช่วงนี้ที่มาจากอ่าวไทย ส่วนจุดเผาในช่วง 24 ชม.ที่ผ่านมาพบที่ปริมณฑลหลายจุด
2. ระยะนี้สภาพอากาศแปรปรวน มีพายุฤดูร้อน ประกอบกับมีความกดอากาศสูงผ่านทางอีสานมาเมื่อวาน ส่งผลให้ความสูงของชั้นบรรยากาศผสม (Mixing Height) ลดต่ำลง ฝุ่นละอองเกิดการสะสมตัวเพิ่มมากขึ้น
3. ความชื้นในบรรยากาศทำให้เกิดฝุ่นละออง PM2.5 ทุติยภูมิ (Secondary PM2.5) เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะชนิดที่เกิดจากพวกสารประกอบไนโตรเจนและแอมโมเนียจะเกิดปฏิกิริยาได้ดีในสภาวะที่มีความชื้นสูง
ทั้งนี้กลิ่นที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากการจุดไฟเผาไหม้ในพื้นที่่ปริมณฑล ประกอบกับสภาพอากาศแปรปรวนมีพายุฤดูร้อนในภาคอีสานทำให้ฝุ่นละอองเกิดการสะสมตัว และความชื้นในบรรยากาศทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะชนิดที่เกิดจากพวกสารประกอบไนโตรเจนและแอมโมเนียจะเกิดปฏิกิริยาในสภาวะที่มีความชื้นสูง
อย่างไรก็ตาม ทางกทม. ยังชี้แจงแหล่งข้อมูลการรายงานต่างกัน ระหว่างซ้ายมือจากเว็บไซต์ IQAir ส่วนขวามือกรมควบคุมมลพิษ ว่าอยู่ที่การแสดงสีเท่านั้น ดังนี้คือ
1. แหล่งข้อมูลการรายงานต่างกัน ซ้ายมือจากเว็บไซต์ IQAir ส่วนขวามือกรมควบคุมมลพิษ
2. การใช้ดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ เอคิวไอ (AQI: Air Quality Index) ที่ต่างกัน กรมควบคุมมลพิษใช้ Thai AQI ส่วน IQAir ใช้ US AQI (รายละเอียดเพิ่มเติมดังภาพinfographic)
ทั้งนี้ ณ ค่าปริมาณมลพิษที่เท่ากัน เมื่อแปลงเป็นระดับสี AQI จะพบว่าของไทยกับต่างประเทศ ใช้สีที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างอยู่ที่การแสดงสีเท่านั้น ขอให้ประชาชนทำความเข้าใจระดับคำเตือนทางสุขภาพ จะพบว่าคำเตือนทางสุขภาพของไทยและต่างประเทศตรงกัน (อ้างอิงจากรมควบคุมมลพิษ)
