ยังไงแน่ ฟังความทั้ง 2 ฝ่าย กลายเป็นหนังคนละม้วน

View icon 104
วันที่ 22 มี.ค. 2567 | 07.13 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอเกี่ยวกับกรณีนักท่องเที่ยวชาวจีนคนหนึ่ง พบหญิงสาวชาวไทยในแอปพลิเคชัน แล้วชักชวนกันมาท่องเที่ยวที่พัทยา พื้นที่จังหวัดชลบุรี แต่ก็ต้องสะดุ้ง และรีบไปแจ้งความเมื่อถูกฉกบัตรเครดิตไปใช้จ่าย สูญเงินเกือบ 40,000 บาท

นี่เป็นนาทีหญิงกำลังซื้อทองคำ ที่ร้านทองแห่งหนึ่ง พื้นที่ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อซื้อเสร็จ เธอก็เดินออกไปจากร้านทันที โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2567

ล่าสุด หญิงอายุ 31 ปี หรือ หญิงในภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าวปรากฎตัวขึ้น และเดินทางไปขอความช่วยเหลือที่เพจ สายไหมต้องรอด โดยเธอ เล่าว่า ชายอายุ 33 ปี สัญชาติจีน ชักชวนไปพูดคุยกันที่ห้องพัก เมื่อเธอไปถึงห้องเขา เขาพูดจาหว่านล้อมให้นำบัตรเครดิตไปแลกเงิน ที่ร้านขายทองคำ จำนวน 30,000 บาท โดยแลกกับการหักเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเธอก็ยินยอมทำให้ หลังจากนั้นเขาพยายามข่มขืน และยึดโทรศัพท์มือถือไป เธอจึงหลบหนีออกมา สุดท้ายมารู้ว่าเขาไปแจ้งความกล่าวหากันสารพัด ซึ่งเธอมองว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความจริง

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าใครพูดจริง ใครโกหก ก็ต้องพาหญิงคนนี้ไปย้อนเรียงลำดับเหตุการณ์ทั้งหมด ชี้ให้ดูว่าจุดเกิดเหตุคือที่ไหน ไปเจอใครบ้าง คุยกับใคร ใครให้ความช่วยเหลือ รวมถึงร้านค้าทองที่ให้แลกเงิน ว่าหญิงคนนี้พูดจริงหรือไม่

ถามมาครบแล้ว ถึงคราวที่ต้องไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ที่ สภ.บางละมุง จังหวัดชลบุรี พอได้คุยกัน มีล่ามแปลภาษาช่วยในการสื่อสาร ปรากฏผลที่ออกมาต่างฝ่ายต่างก็ยืนยันว่าตนเองนั้นพูดความจริง กลายเป็นต่างคนต่างแจ้งความเอาผิดอีกฝ่าย

ผู้กำกับการ สภ.บางละมุง จึงบอกว่า ก็ต้องให้ผลการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐาน เป็นเครื่องชี้วัด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง