ลิงลพบุรี อีกแล้ว กระโจนแย่งถุงอาหาร รถล้ม คนเจ็บ ประเดิมระเบียบจ่ายชดเชย สัตว์ป่าทำร้ายคน เดือนมีนาคมนี้เกิดเหตุแล้ว 3 ครั้ง
ลิงลพบุรีก่อเรื่องอีกแล้ว วานนี้ (23 มี.ค.67) มีรายงานว่า บริเวณถนนราชดำเนิน หน้าสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดลพบุรี เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักล้ม หลังถูกลิงกระโจนแย่งสิ่งของที่แขวนไว้กับมือจับคันเร่งรถจักรยานยนต์ ทำให้รถเสียหลักไปเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์อีกคัน ที่ขับขี่สวนทางมา เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ซึ่งพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์รีบวิ่งเข้าไปช่วยไล่ลิง และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ส่วนลิงแย่งถุงอาหารไปได้ 1 ถุง
สำหรับปัญหาลิงลพบุรี แย่งอาหารจนเกิดอุบัติเหตุ ภายในเดือนมีนาคมนี้ เกิดเหตุแล้ว 3 ครั้ง ปัญหาเกิดจากลิง กระโดดแย่งถุงอาหารจากรถจักรยานยนต์ จนรถล้ม คนได้รับบาดเจ็บ โดยจุดที่เกิดเหตุนี้เป็นจุดเดียวกัน เคสลิงกระโจนแย่งอาหาร จนน้องอ้อมล้ม หัวเข่าหลุด
กรณีสัตว์ป่าทำร้ายคน คณะกรรมการเงินรายได้สัตว์ป่า มีมติเห็นชอบให้ใช้หลักเกณฑ์และวิธีการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสัตว์ป่า พ.ศ.2567 ซึ่งกำหนดให้สามารถใช้เงินอนุรักษ์สัตว์ป่า จ่ายให้แก่ผู้ที่ถูกช้างป่า กระทิง ลิงและหมี กรณีถูกสัตว์ป่าชนิดเหล่านี้ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.67 เป็นต้นไป
สำหรับหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบซึ่งเกิดการสูญเสียต่อชีวิต บาดเจ็บ หรือทุพพลภาพ มีรายละเอียด อัตราเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสัตว์ป่า ดังนี้
1. กรณีบาดเจ็บ
(1) ทุพพลภาพ
- อัมพาต ได้รับเงินจำนวน 100,000 บาท
- สูญเสียแขน ขา หรือสายตา (ตาบอด) ทั้งสองข้าง หรือ แขน ขา สายตา (ตาบอด) รวมสองแห่ง ได้รับเงินจำนวน 100,000 บาท
- สูญเสียแขน ขา หรือสายตา (ตาบอด) หนึ่งข้าง ได้รับเงินจำนวน 50,000 บาท
(2) บาดเจ็บทั่วไป
- ได้รับบาดเจ็บเท่าที่จ่ายจริง ได้รับเงินจำนวนไม่เกิน 30,000 บาท
(3) ค่าขาดประโยชน์ในการทำมาหาได้ระหว่างพักรักษาตัว ระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน นับแต่วันที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ ตามความเห็นแพทย์ ได้รับเงินจำนวนไม่เกิน 300 บาท (ต่อวัน)
2. กรณีเสียชีวิต
(1) ค่าช่วยเหลือเยียวยา จำนวน 100,000 บาท
ดังนั้น ผู้ที่ถูกลิงทำร้ายตลอดจนสัตว์ป่าดังกล่าวข้างต้น ทำร้ายจนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต จึงสามารถประสานกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ในท้องที่ เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือเยียวยา ได้ตามหลักเกณฑ์ที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กำหนดไว้ดังกล่าวข้างต้น