รองเต่า พร้อมรับหลักฐาน ทนายตั้ม

View icon 110
วันที่ 28 มี.ค. 2567 | 07.10 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - หลักฐานที่เปิดมาตั้งมากตั้งมายเมื่อไม่กี่วันก่อน "ทนายตั้ม" ยอมรับว่า ยังไม่มีเส้นทางการเงินเส้นไหนไปถึง "ผบ.ตร." จริง ๆ แล้วแบบนี้ทำไมถึงยังแฉเรื่องนี้อีก

รองเต่า พร้อมรับหลักฐาน ทนายตั้ม
คำตอบนี้ถือว่าเคลียร์ไหม สำหรับเหตุและผลที่นำมาแฉ สรุป "ทนายตั้ม" ต้องการบอกว่า บัญชีนี้ คือ บัญชีม้า เป็นบัญชีเดียวกับที่ใช้โอนเงินให้กับคนใกล้ตัวและตำรวจหลายนาย ก็คล้าย ๆ กับกรณีของ "บิ๊กโจ๊ก" คำถาม คือ ถ้า "บิ๊กโจ๊ก" ถูกดำเนินคดีเพราะเรื่องนี้ แล้ว "บิ๊กต่อ" ต้องถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่

ส่วนเรื่องที่แฉไปเมื่อวันก่อน ยืนยันว่า 11.00 น. วันนี้ จะนำไปมอบให้ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินการตรวจสอบ ถ้าไม่สนใจ ส่งให้ไปแล้วไม่มีอะไรนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เป้าหมายต่อไปจะนำไปยื่นให้ นายกรัฐมนตรี ตรวจสอบ แต่ถ้าไม่สนใจ ก็จะยื่นให้ฝ่ายค้านตรวจสอบต่อไป

พูดถึง "รองเต่า" ก็ต้องถาม "รองเต่า" เจ้าตัวบอกว่า ยินดีที่จะรับข้อมูลหลักฐานมาตรวจสอบ จะเป็นเส้นทางการเงิน หรือหลักฐานที่เกี่ยวข้อง อันไหนเป็นข้อเท็จจริง ก็จะทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีละเว้น

เพียงแต่ต้องตรวจสอบให้ชัดก่อนว่าจริงหรือไม่ ยอมรับว่า อาจต้องใช้เวลาหน่อย เพราะจุดเริ่มต้นมาจากคดีที่หาดใหญ่ และขยายวงกว้าง ต้องดูความเชื่อมโยงว่ามีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ต้องให้ไล่ให้หมด

ส่วนที่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอให้ "ทนายตั้ม" ระบุตัวว่าใครเป็นคนรับเงินจากบัญชีม้า นอกจากคำใบ้ที่โพสต์ไปในเฟซบุ๊ก

"ทนายตั้ม" ส่งตัวเลขแถวยาวเหยียดในกลุ่มไลน์ให้ผู้สื่อข่าวดู สรุปเป็นตัวเลขได้ตามนี้เลย ก็เห็นว่าวันนี้ กรรมการบริหารของสมาคมนักข่าวฯ จะไปยื่นหนังสือกับ นายกสภาทนายความ ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนักข่าวรับเงินจากแหล่งข่าว ที่สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติแต่งตั้ง เพื่อนำเรื่องนี้ไปตรวจสอบเพิ่ม

ขณะที่ นักข่าวประจำกองปราบปราม อักษรย่อ ว .ที่ "ทนายตั้ม" กล่าวพาดพิงว่ารับเงินจากบัญชีม้าของ "รองฟาง" สนับสนุน เปิดเผยกับทีมสนามข่าว7 สี ว่าก่อนหน้านี้มีลูกน้องนายตำรวจคนหนึ่งได้ติดต่อมาว่าจะขอซื้อโฆษณาลงนิตยสารฉบับหนึ่ง และขอเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนรายเดือน จากนั้นก็มีการโอนเงินมาให้เป็นประจำทุกเดือนตามปกติ ซึ่งตนเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่า เงินที่โอนมานั้นเป็นบัญชีม้าหรือว่าบัญชีของใคร รู้เพียงแค่ว่าเป็นค่าสปอนเซอร์นิตยสารเท่านั้น และขณะนี้ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ต้นสังกัดรับทราบ และพร้อมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด มั่นใจไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวกับส่วยการพนันใด ๆ ทั้งสิ้น

ส่วน "รองฟาง" และ "ดาบยาว" ที่ "ทนายตั้ม" เคยเอ่ยชื่อ ระบุว่าเป็นคนสำคัญของการแฉ เมื่อวาน ผู้บัญชาการ สอท. หรือ ตำรวจไซเบอร์ ลงนามคำสั่งย้าย ทั้ง 2 คน ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แล้วเรียบร้อย

โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาพิจารณาดำเนินโทษทางวินัย ส่วนคดีอาญา จะเป็นหน้าที่ของตำรวจ สน.เตาปูน และตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินคดี

ส่วนเรื่องที่มีการพาดพิงว่ามีการใช้ห้องในกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ รับส่งยอดเงิน "ส่วย" ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ปฏิเสธว่าห้องดังกล่าวเป็นห้องของผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่ใครจะเข้าไปทำอะไรก็ได้ แต่ก็ไม่ได้พาสื่อมวลชนไปดูห้องที่ว่า แต่หากใครอยากตรวจสอบ ก็ยืนยันว่าสามารถทำได้

ส่วนเรื่องฟ้องกลับ "ทนายตั้ม" บิ๊กต่อ ตั้งทีมทนายความมา 5 คน นำทีมโดย นายศิริพงษ์ พงศ์พันธุ์สุข อดีตอัยการอาวุโส สำนักงานคดีศาลสูงสุด ภาค 1 โดยจะยื่นเรื่องฟ้อง "ทนายตั้ม" ทั้งทางเพ่งและอาญา โดยพรุ่งนี้จะชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง

ขณะที่เรื่องคดี "บิ๊กโจ๊ก" ที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการออกหมายจับเมื่อวาน สรุปแล้ว พนักงานสอบสวนได้มีการออกหมายเรียกครั้งที่ 3 ให้มาพบภายใน 7 วัน นับตั้งแต่เมื่อวานนี้

วันนี้ต้องจับตาดูว่า พนักงานสอบสวนจะเอาหมายเรียกครั้งที่ 3 ไปแจ้งให้ "บิ๊กโจ๊ก" รับทราบที่บ้านพักย่านวิภาวดี 60 บ้านพักตามภูมิลำเนาที่จังหวัดสงขลา และที่ทำงาน สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล

"บิ๊กโจ๊ก" โพสต์ ไม่ต้องการเวทีเปิดใจ จวกสื่อฯ บางสำนัก หยุดนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อน
ส่วนความเคลื่อนไหวของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รอง ผบ.ตร. ล่าสุดช่วงเย็นวานนี้ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "สุรเชษฐ์ หักพาล" ยืนยันจะยังไม่มีการแถลงข่าว และไม่ต้องการเวทีเปิดใจ พร้อมขอความร่วมมือสื่อมวลชน อย่าปั่นกระแส ไม่เผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง

โดยในวันที่ 1 เมษายนนี้ จะประชุมเรื่องปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ตามมติคณะรัฐมนตรี แต่สื่อมวลชนกลับเขียนโยงว่าผมจะเปิดใจ ขอเตือนให้หยุดการกระทำดังกล่าว ถ้าไม่หยุดจะดำเนินคดีอาญา นอกจากนี้ในโพสต์ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ยังบอกอีกว่า ถึงแม้ตนจะไปช่วยงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี แต่ก็ต้องขับเคลื่อนงานที่ได้รับมอบหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง