ลูกชายดับเครื่องชน พ่อแอบลักไฟหลวงใช้ในโรงงานทำน้ำแข็ง

ลูกชายดับเครื่องชน พ่อแอบลักไฟหลวงใช้ในโรงงานทำน้ำแข็ง

View icon 291
วันที่ 29 มี.ค. 2567 | 11.03 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (29 มี.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแอล อายุ 39 ปี อดีตผู้จัดการโรงงานน้ำแข็งแห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองนนทบุรี ว่า ตนเป็นลูกชายคนโตของเจ้าของโรงงานน้ำแข็งชื่อดังในจังหวัดนนทบุรี เคยทำหน้าที่เป็นผู้จัดการโรงงานน้ำแข็งแห่งนี้มานานหลายปี ก่อนจะตัดสินใจลาออกจากโรงงานเมื่อวันที่ 1 พ.ค.65 หลังตนได้รู้ความจริงว่า โรงงานผลิตน้ำแข็งของพ่อตน มีการลักลอบแอบพ่วงไฟฟ้าหลวงมาใช้ในการผลิตน้ำแข็ง

โดยหลังทราบความจริงแล้ว จึงได้บอกให้พ่อหยุดการกระทำดังกล่าว แต่พ่ออ้างว่าไม่ได้ทำ จากนั้นเมื่อตนนำค่าไฟฟ้าย้อนหลังในแต่ละปีมาตรวจสอบดูก็พบว่ามีความผิดปกติอยู่ จากเดิมที่เคยจ่ายอยู่เดือนละเกือบ 400,000 บาท กลับมาเหลืออยู่เพียง 200,000 กว่าบาท 

เพราะเกรงว่าวันหนึ่งหากทางโรงงานน้ำแข็งของพ่อตนถูกร้องเรียนและตรวจสอบ เหมือนคราวที่ถูกเจ้าหน้าที่บุกตรวจค้นเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวหรือค้ามนุษย์แบบครั้งก่อน ตนจะถูกดำเนินคดีแล้วติดคุกอีกครั้ง เพราะในครั้งนั้นที่ตนต้องขึ้นศาลไปถูกพิจารณาในฐานะผู้จัดการโรงงาน ศาลยังได้ตักเตือนตนเอาไว้ว่า อย่าไปมีส่วนรวมในความผิดทำนองนี้อีก เมื่อรู้ว่ามีความผิดแล้วแต่ไม่ทักทวงหรือห้ามปราม ก็เท่ากับรู้เห็นเป็นใจให้กระทำการนั้นไปด้วย

นายแอล กล่าวต่ออีกว่า หลังตนเองลาออกจากโรงงานมาได้ปีกว่าๆ ตนได้นำพยานหลักฐานต่างๆ ที่โรงงานแอบพ่วงไฟฟ้าหลวงมาใช้ในการผลิตน้ำแข็งส่งไปให้ทางการไฟฟ้ารับทราบข้อมูลเพื่อทำการตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าเรื่องไม่มีความคืบหน้าอะไรกลับมาเลย

ตนจึงจำเป็นต้องร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวแทน แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นการร้องเรียนพ่อแท้ๆของตนเองก็ตาม ซึ่งตนคิดว่าใครทำผิด คนๆ นั้นก็ต้องรับกรรมที่ทำไว้ไป ไปให้ลูกหรือคนอื่นมารับกรรมแทนไม่ได้

นายแอล ยังกล่าวต่ออีกว่า หลังตนลาออกมาได้ปีกว่าๆ แล้ว ก็ไม่รู้ว่าปัจจุบันโรงงานแห่งนี้ของพ่อเลิกแอบพ่วงไฟฟ้าหลวงมาใช้อีกหรือไม่ เพราะตนได้ท้วงติงก่อนจะขอลาออกไปแล้วว่า ขอให้พ่อหยุดการกระทำแบบนี้ แม้ตนจะถูกพ่อด่ากลับมาว่าไอ้ลูกทรพีก็ตาม แต่ตนก็ยังรู้สึกสบายใจมากกว่าที่ลาออกมาทำงานหากินแบบสุจริต ดีกว่าไปมีตำแหน่งแล้วนั่งรอว่าวันหนึ่งวันใดตนจะต้องติดคุกอีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง