3 คน ก่อคดีโหดหนีหมายจับ เกมเพราะรถขาดต่อทะเบียน

3 คน ก่อคดีโหดหนีหมายจับ เกมเพราะรถขาดต่อทะเบียน

View icon 137
วันที่ 3 เม.ย. 2567 | 16.46 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
รถทะเบียนขาดต่ออายุ ตำรวจทางหลวงเพชรบุรีเรียกตรวจ เจอตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 คน เกี่ยวพันคดีอุ้มฆ่าเสี่ยหมาส อุ้มลูกเจ้าของร้านกาแฟเรียกค่าไถ่ 3 ล้าน 

ทะเบียนขาด ตำรวจทางหลวงเพชรบุรี จับผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 รายรวด นั่งรถคันเดียวกัน วานนี้ (2 เม.ย.67) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ต.วรฉัตร ฉลวยแสง สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ขณะร่วมกันตั้งจุดตรวจบริเวณ กม.83-84 ถ.พระราม 2 ต.วังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี พบรถนั่งส่วนบุคคล หมายเลขทะเบียน ฌฮ 8791 กรุงเทพมหานคร  สังเกตเห็นว่าแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปีหมดอายุ จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อทำการตรวจสอบ เมื่อคนขับและผู้โดยสาร รวม 3 คน พบเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีท่าทีตื่นตระหนกผิดปกติ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เชิญตัวมายังหน่วยบริการตำรวจทางหลวงวังมะนาว ตรวจค้นรถยนต์ และตรวจสอบประวัติบุคคลภายในรถ โดยฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พบว่าทั้งหมดมีหมายจับติดตัว ดังนี้

1.นายสามารถ เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่54/2567 ลงวันที่ 29 ก.พ.67 ฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนหรือรับของโจร และหมายจับศาลจังหวัดระนอง ที่จ.248/2566 ลงวันที่ 22 ก.ย.66 ฐานฟอกเงิน เจ้าหน้าที่จึงได้สอบถามรายละเอียดในคดี ซึ่งนายสามารถยอมรับว่าเป็นบุคคลที่ได้ติดต่อรับซื้อขายรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ของเสี่ยหมาส เจ้าของสนามไก่ชนที่ อ.สวี จ.ชุมพร ที่ได้ถูกฆ่าฝังดินในสวนปาล์ม ซึ่งต่อมาได้นำรถยนต์ไปขายต่อและได้พบว่ารถยนต์ได้ถูกนำไปใช้ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร

2.นายสมชาย เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 60/2567  ลงวันที่ 18 มี.ค.67 ฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน หรือรับของโจร เจ้าหน้าที่จึงได้สอบถามรายละเอียดในคดีนี้ ให้การว่าเป็นเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงินในการซื้อขายรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ของเสี่ยหมาส โดยกระทำร่วมกับนายสามารถ

3.นายอนุชา ตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดหล่มสักที่ 204/2565  ลงวันที่ 1 ธ.ค.65 ฐานความผิด ร่วมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่เอาตัวบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีไป โดยใช้กลอุบาย หลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด หรือหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง ซึ่งนายอนุชายอมรับว่าได้ร่วมกับพื่อนอีก 2 คน เดินทางไปทวงเงินที่ติดค้าง 3 ล้านบาท กับเจ้าของร้านกาแฟในพื้นที่ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ แต่เมื่อไม่ได้รับเงินจึงร่วมกับเพื่อนใช้อาวุธปืนอุ้มตัวลูกชายเจ้าของร้านไปเพื่อเป็นการต่อรองในการชดใช้เงิน โดยได้รับค่าจ้างในการไปร่วมทวงหนี้ 3 หมื่นบาท  ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ร่วมก่อเหตุทั้งสองไปแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง