ทนายตั้ม ยื่น ก.ร.ตร. สอบบิ๊กตำรวจรับส่วย-เงินพนัน

View icon 56
วันที่ 4 เม.ย. 2567 | 06.46 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - ทนายตั้ม ยังคงเดินหน้าเปิดโปงการรับส่วยและเงินเว็บพนันออนไลน์ ของนายตำรวจใหญ่ต่อเนื่อง เมื่อวานนี้ ไปยื่นเอกสารหลักฐานให้กับกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ เพื่อให้เอาผิดทางวินัยตำรวจที่มีรายชื่อรับส่วย และยื่นหลักฐานให้ฝ่ายค้านด้วย

"ทนายตั้ม" ยื่น ก.ร.ตร. สอบบิ๊กตำรวจรับส่วย-เงินพนัน
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เดินทางไปที่สำนักงานจเรตำรวจ เพื่อส่งเอกสารหลักฐานให้ พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ประธานกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. รับเรื่อง เพราะยังมีเรื่องตำรวจนายอื่น ๆ ที่มีเส้นทางการเงินจากเว็บพนันโอนไปถึง

ขณะที่ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร หนึ่งในกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ บอกว่า คณะกรรมการชุดนี้เป็นอิสระ ไม่ได้ขึ้นกับหน่วยงานไหน พิจารณาลงโทษทางวินัยเป็นหลัก ไม่มีใครมาวิ่งคดีได้ หลักฐานถึงตำรวจคนไหน จะพิจารณาลงโทษทางวินัยได้ทั้งหมด ตั้งแต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงมา

ส่วนช่วงบ่าย ทนายตั้ม เดินทางไปที่รัฐสภา เพื่อนำหลักฐานบิ๊กตำรวจ และลูกน้องรีดส่วยและรับเงินเว็บพนันออนไลน์ ไปมอบให้กับ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้นำฝ่ายค้าน ตามที่เคยแถลงไว้ก่อนหน้านี้

"อัจฉริยะ" ลุยฟ้อง "ทนายตั้ม" แจ้งความเท็จ
ส่วนคู่กรณีอีกคนของทนายตั้ม คือ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นผู้รับมอบอำนาจ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ในการหาทนายความฟ้องทนายตั้ม และแถลงข่าวต่าง ๆ เมื่อวานได้เดินทางไปยังศาลแขวงปทุมวัน ในนามส่วนตัว

นายอัจฉริยะ บอกว่า มายื่นฟ้อง ทนายตั้ม ในข้อหาแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา จากกรณีกล่าวหาว่าตนดักฟังโทรศัพท์ ซึ่งต่อมากองปราบปรามมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง รวมถึงอัยการก็สั่งไม่ฟ้องเช่นกัน วันนี้จึงเดินหน้าฟ้องกลับทนายตั้ม

รรท.ผบ.ตร. เข้าพบนายกฯ ยังไม่พักงาน "บิ๊กโจ๊ก"
นอกจากนี้ยังมีการจับตากันว่า ผลจากการตกเป็นผู้ต้องหาของ บิ๊กโจ๊ก จะส่งผลต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่ เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่รัฐสภา

โดยให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบนายกฯ ว่า ขั้นตอนจากนี้คือ รอรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนของตำรวจนครบาล และการรายงานตนว่าต้องคดีจาก พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ก่อน จากนั้นจึงจะพิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยตามขั้นตอน ดังนั้นในขั้นตอนนี้ จะยังไม่มีการพิจารณาเรื่องพักราชการ ออกจากราชการ หรือสำรองราชการไว้ก่อน ตามกฎ ก.ตร. จึงยังถือว่า พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ยังปฏิบัติราชการอยู่ตามเป็นปกติ ถือเป็นสิ่งที่ต้องให้ความเสมอภาค และความเป็นธรรมกับข้าราชการทุกคน