ร้องสอบสวนกลางช่วย ญาติฟ้องฮุบที่ดิน 200 ไร่ ต้องกู้หนี้มาสู้คดี ทนทุกข์นาน 4 ปี กว่าจะรู้เอกสารที่นำมาฟ้องเป็นของปลอม
วันนี้ (4 เม.ย.67) นายณัฐปกรณ์ สุดชา ทนายความ พานายเชิด งานดี อายุ 62 ปี เกษตรกรชาวกระบี่ และภรรยา เข้าแจ้งความกับศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ดำเนินคดีกับลูกพี่ลูกน้องและทนายความของลูกพี่ลูกน้อง ที่ปลอมเอกสาร ใช้เอกสารราชการปลอมเป็นหลักฐานและเบิกความเท็จในการฟ้องขับไล่นายเชิดออกจากที่ดินทำกินในจังหวัดกระบี่ เนื้อที่กว่า 200 ไร่ ทำให้นายเชิดได้รับความเสียหาย ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำเงินมาต่อสู้คดี และทำให้เป็นโรคซึมเศร้ามาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา
นายเชิด และภรรยา เล่าว่า ที่ดินดังกล่าวเดิมเป็นของป้า ซึ่งได้ร่วมกับนายเชิดช่วยกันทำสวนปาล์มน้ำมันและสวนยางพารา มาตั้งแต่ปี 2542 หรือนานกว่า 20 ปี จนกระทั่งปี 2563 หลังจากที่ป้าของนายเชิดเสียชีวิต หลานของป้าซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของนายเชิด อยากได้ที่ดินแปลงดังกล่าว จึงได้จ้างทนายความชื่อดังในจังหวัดกระบี่ ฟ้องแพ่งขับไล่นายเชิดออกจากที่ดิน และดำเนินคดีอาญาฐานลักทรัพย์ผลิตผลของสวนปาล์มและยางพาราไปขาย ทำให้นายเชิดและภรรยาต้องขายบ้านที่จังหวัดนครราชสีมา โค่นไม้ยางและไปกู้หนี้ยืมสินมาต่อสู้คดี เป็นหนี้เกือบ 2 ล้านบาท แต่สุดท้ายก็ยังแพ้คดีถึง 2 ศาล ก่อนที่จะมาทราบภายหลัง ช่วงเดือนตุลาคม 2565 ว่าเอกสารที่คู่กรณีใช้ต่อสู้คดีเป็นเอกสารปลอมทั้งหมด
นายเชิดบอกว่า ต้องทนทุกข์ทรมานป่วยเป็นเบาหวาน ความดัน ไขมัน และยังเป็นโรคซึมเศร้า ตั้งแต่ที่ถูกฟ้องขับไล่มานานกว่า 4 ปี และขอฝากบอกคู่กรณีว่า เราเป็นพี่น้องกัน ไม่ควรทำกันแบบนี้
ด้านทนายณัฐปกรณ์ เปิดเผยว่านายเชิดแพ้คดีทั้งแพ่งและอาญา โดยคดีแพ่งศาลตัดสินให้นายเชิดต้องออกจากที่ดินทำกิน พร้อมจ่ายค่าเสียหายกว่า 7 แสนบาท ยังไม่รวมดอกเบี้ย ส่วนคดีอาญา ศาลพิพากษาจำคุกนายเชิด 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ขณะนี้อยู่ระหว่างต่อสู้คดีในศาลฎีกา ในประเด็นที่อีกฝ่ายใช้เอกสารปลอม ซึ่งได้ไปคัดสำเนาเอกสารฉบับจริงจากกรมที่ดินมายืนยัน
อย่างไรก็ตาม แม้หลักฐานจะชัดเจนว่าเป็นการปลอมเอกสาร แต่ทางนายเชิดและภรรยาก็ยังกังวลใจ เพราะทนายความของคู่กรณีเป็นทนายชื่อดังในจังหวัดกระบี่ และมักจะบอกว่ารู้จักผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน จึงมาร้องทุกข์เพื่อให้ตำรวจสอบสวนกลางช่วยเหลือ