ชายวัย 45 ปี ชะตาขาด! นอนเฝ้าสวนมะม่วง  ถูกช้างป่าทำร้ายดับ

ชายวัย 45 ปี ชะตาขาด! นอนเฝ้าสวนมะม่วง ถูกช้างป่าทำร้ายดับ

View icon 395
วันที่ 4 เม.ย. 2567 | 14.20 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ชะตาขาด! ชายวัย 45 ปี ผูกเปลนอนเฝ้าสวนมะม่วง นอนเฝ้าสวนมะม่วง  ถูกช้างป่าทำร้ายเสียชีวิต ใกล้อุทยานแห่งชาติกุยบุรี

ช้างป่าทำร้าย - 4 เม.ย. 67 นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี รับแจ้งว่า เกิดเหตุช้างป่าทำร้ายชาวบ้านจนเสียชีวิต ที่บ้านเข็ดกา  ม.12 ต.บ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

โดยที่เกิดเหตุเป็นสวนมะม่วง ซึ่งมีพื้นที่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติกุยบุรี พบว่าที่โคนมะม่วงต้นหนึ่ง มีร่องรอยของเปลผ้าร่ม สีลายพราง เชือกเปลด้านหนึ่งผูกกับต้นมะม่วงอีกด้านหนึ่งผูกกับต้นกระถิน  ที่เปลมีร่องรอยฉีกขาด ใกล้กันพบกองเลือดที่พื้น และมีกระเป๋าย่ามสำหรับใส่โทรศัพท์และของใช้อื่นๆ พร้อมทั้งผ้าห่มอีก 1 ผืน ตกอยู่ใกล้กัน ส่วนร่างของผู้ที่ถูกช้างทำร้าย ทางญาติได้หามส่งโรงพยาบาลกุยบุรีไปก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนจะเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา คือ นายฉัตรชัย อายุ 45 ปี (เจ้าของไร่ที่เกิดเหตุ)

ต่อมา ทางด้านนายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และนายไพศาล ช่อผกา นายอำเภอกุยบุรี ได้เดินทางไปยังวัดวังยาว อ.กุยบุรี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจแก่ญาติผู้เสียชีวิต และเคารพศพ โดยทางด้าน หัวหน้าอุทยานฯ กุยบุรี ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจากอุทยานแห่งชาติกุยบุรีให้กับญาติของผู้เสียชีวิตไว้จำนวนหนึ่ง

หัวหน้าอุทยานฯ กุยบุรี เผยว่า วันนี้ทางอุทยานฯ ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับทางญาติไปก่อน หลังจากนี้จะส่งเรื่องไปยังกรมอุทยานฯ เพื่อเสนอขอรับเงินเยียวยาให้กับญาติผู้เสียชีวิตตามระเบียบต่อไป ส่วนเรื่องของพื้นที่ ที่เกิดเหตุนั้น ตนเองจะตั้งชุดเฝ้าระวังขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง เพื่อเฝ้าคอยดูแลโซนนี้เป็นพิเศษ ให้คอยช่วยเหลือชาวบ้านในการผลักดันช้างให้กลับเข้าป่า และดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ปลอดภัยอย่างเต็มกำลัง

ทางด้านนางทองพิน และนางทองพูน  ซึ่งทั้งสองเป็นพี่สาวของผู้เสียชีวิต เล่าว่า นายฉัตรชัย และพวกตนได้เริ่มไปเฝ้าสวนมะม่วง กันตั้งแต่ประมาณ 18.00 น. ของวานนี้ (3 เม.ย. 67) โดยตนเฝ้าอยู่อีกสวนหนึ่งไม่ห่างกันนัก ในช่วงเวลาใกล้ 04.00 น. ได้ยินเสียงเพื่อนไร่ข้างเคียงจุดประทัดไล่ช้าง

จากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงไซเรน หรือหวอ ดังที่ไร่ของน้องชาย ดังอยู่นาน ไม่ยอมเงียบ ก็เลยชวนกันเดินไปดู เมื่อไปถึงไร่ก็ไปปิดเสียงสัญญาณไซเรน จากนั้นเดินมาจุดที่น้องชายผูกเปลนอน ก็พบว่าเปลฉีกขาดกองกับพื้น ส่องไฟดูข้างๆ เปล ก็พบร่างน้องชายนอนคว่ำหน้ากับพื้น จึงไปจับประคองขึ้น ก็ได้ยินเสียงน้องชายหายใจเฮือก ก่อนจะแน่นิ่งไป ทางด้านนางทองพิน จึงได้โทรตามให้สามีมาพาน้องชายไปโรงพยาบาลกุยบุรี แต่ก็ไม่ทัน น้องชายเสียชีวิตลงแล้ว โดยพบร่องรอยแถวหน้าอกซ้ายมีรอยบวมช้ำ พวกตนคาดว่า น้องชายนอนดึก ซึ่งในช่วงที่มีช้างป่าเข้ามาในสวน น้องชายอาจหลับไม่ได้ยินเสียงหวอดัง จนช้างเดินมาถึงเปลและอาจถูกช้างป่าเตะทั้งที่ยังนอนบนเปล จนทำให้เปลขาดและตกจากเปลไปนอนอยู่กับพื้น และเสียชีวิตลงในที่สุด

นางทองพิน กล่าวด้วยว่า ตนเองก็ไม่ได้หวังอะไรจากภาครัฐ ขอเพียงให้หัวหน้าอุทยานฯ ส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยดูแลและผลักดันช้างให้กลับเข้าป่า เนื่องจากที่ผ่านมา น้องชายของตนจะเป็นเสาหลักของครอบครัว เลี้ยงดูลูกเมียและแม่ นอกจากนั้นยังช่วยพวกพี่เฝ้าสวนมะม่วง โดยตอนนี้ใกล้จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว จึงอยากให้เจ้าหน้าที่มาช่วยดูแลตรงนี้ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง