หนุ่มคลั่งถือมีด ขวานบุกบ้านเข้ามาหาเมีย หวังเคลียร์ใจ ก่อนใช้มีดทำร้ายปู่ย่าได้รับบาดเจ็บ

หนุ่มคลั่งถือมีด ขวานบุกบ้านเข้ามาหาเมีย หวังเคลียร์ใจ ก่อนใช้มีดทำร้ายปู่ย่าได้รับบาดเจ็บ

View icon 61
วันที่ 17 เม.ย. 2567 | 07.18 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
หนุ่มคลั่งถือมีด ขวานบุกบ้านเข้ามาหาเมีย หวังเคลียร์ใจ ก่อนใช้มีดทำร้ายปู่ย่าได้รับบาดเจ็บ ญาติ เผยสาเหตุทำร้ายปู่ย่า เพราะถูกกีดกันเรื่องลูกเมีย

เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2567 เวลา 13.00 น. ร.ต.อ.ปรัชญา ทาบ้านฆ้อง พนักงานสอบสวนสภ. เมืองกำแพงเพชรได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีเหตุทำร้ายร่างกายกันด้วยอาวุธมีด และขวานมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดที่บ้านใน ต.ท่าขุนราม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร จึงได้เดินทางไปดูที่เกิดเหตุ พบว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ อยู่ติดกับ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 11 ตำบลท่าขุนราม

บริเวณด้านข้างของตัวบ้าน มีโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่บริเวณพื้น ข้างโต๊ะหินอ่อนมีรอยเลือดหยดเป็นทาง ตั้งแต่พื้นปูนด้านหน้าประตูทางเข้า ไปจนถึงโต๊ะกินข้าว ซึ่งชาวบ้านได้เล่าให้กับว่า ผู้ก่อเหตุที่เข้ามาบุกทำร้ายผู้คนในบ้านหลังนี้คือ นายไพบุญ อายุ 48 ปี เป็นอดีตสามีของ นางสาวรุ่งนภา อายุ 23 ปี อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวกับผู้เป็นปู่และย่า และลูกชายยังไม่ถึงขวบ กับนายไพบุญ ผู้ก่อเหตุ 1 คน

ซึ่งในเวลาประมาณ 12.50 น. ขณะที่มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง กำลังนั่งรับประทานอาหารกันอยู่ในบริเวณบ้านของนายภูริชัย(ผู้ใหญ่บ้าน) ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านที่เกิดเหตุ ได้สังเกตุเห็นนายไพบุญ (ผู้ก่อเหตุ) เดินตรงเข้ามาภายในรั้วบ้าน ท่าทางเร่งรีบสะพายกระเป๋าสีน้ำตาล ในมือถือมีดปลายแหลม ยาวประมาณ 5 นิ้ว และขวาน เดินเข้าเปิดประตูด้านข้างของตัวบ้าน ซึ่งตรงนั้นเป็นที่สำหรับนางสาวรุ่งนภา ใช้เลี้ยงลูกน้อย ซึ่งขณะนั้นนางสาวรุ่งนภา กำลังให้นมลูกชายอยู่พอดี เมื่อเห็นนายไพบุญ เปิดประตูเข้าไปและถืออาวุธด้วย จึงตกใจและได้อุ้มลูกวิ่งไปหา ปู่และย่า

จากนั้นนายไพบุญ ที่กำลังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง ได้พูดเสียงอันดังว่า“ กีดกันกูนักใช่ไหม” หลังจากนั้นได้ใช้มีดปลายแหลมที่ถือมา ฝันไปที่หัวของนายชุม จนเลือดไหลอาบเต็มใบหน้า จากนั้นได้มีการยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาจนทำให้ นายชุม ผู้เป็นปู่ของนางสาวรุ่งนภา พลาดท่าถูกนายไพบุญ ใช้อาวุธมีดฟันไปที่ลำตัว และใบหน้าหลายแผล ส่วนนางสีนวน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยมีรอยถลอกบริเวณ ขาแงะแขนจากการเข้าห้ามปราม

ในขณะที่นายไพบุญ ก่อเหตุ ได้มีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ และเสียงร้องโวยวายได้พากันเข้ามาช่วยเหลือ โดยได้ช่วยกันจับตัวนายนายไพบุญ (ผู้ก่อเหตุ) เอาไว้ได้อย่างสะบักสะบอม เนื่องจากผู้ก่อเหตุขัดขืนต่อสู้ จากนั้นได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตำบลท่าขุนราม และผู้นำชุมชนให้รับทราบ ได้เข้ามาทำการจับกุมตัวนายไพบุญ ไปสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร เพื่อสอบสวนหาเหตุจูงใจในการก่อเหตุในครั้งนี้ พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วน นายชุม และนางสีนวน ผู้บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ทำบาดแผลเบื้องต้นและต่อมาได้นำตัวส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชร เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาต่อไปโดยพบว่า นายชุมมีอาการค่อนข้างสาหัสจากการถูกของมีคมฟัน และแทงบริเวณศีรษะและลำตัว เบื้องต้นแพทย์ได้แจ้งว่า อาการปลอดภัยแล้ว

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน นายไพบุญ ได้เคยโทรศัพท์และส่งข้อความมาข่มขู่นางสาวรุ่งนภา (อดีตภรรยา) หลายข้อความ ในทำนองที่ว่าถูกทางนางรุ่งนภา และทางปู่ย่าของ นางสาวรุ่งนภา รวมหัวกลั่นแกล้งกีดกัน อะไรบางอย่าง และข่มขู่ว่าถ้าไม่มาพูดคุยกันไม่รับสายจะบุกมาถึงบ้านและจะฆ่าให้ตาย

สำหรับพฤติกรรมของนายไพบุญ ผู้ก่อเหตุรายนี้เคยก่อเหตุมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2566 ซึ่งช่วงนั้นผู้เสียหายได้เคยไป ร้องขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรีมาแล้วครั้งหนึ่งซึ่งมีบันทึก จากพม.จังหวัดกำแพงเพชร ความว่า

วันที่ 31 ตุลาคม 2566 เวลา 18.00 น. สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกำแพงเพชร สถานีตำตรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกำแพงเพชร ร่วมกันให้ความช่วยเหลือตามที่ได้รับการระสานจากมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี กรณี ของหญิง อายุ 22 ปี ได้แจ้งร้องทุกข์มาทางเฟชบุ๊ก เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือตนและบุตรชาย อายุ 2 เดือน ซึ่งถูกสามีที่มีพฤติกรรมเสพยาและค้ายาเสพติด ทำร้ายร่างกายและขู่จะฆ่า

ด้าน นางสาวรุ่งนภา ศรีวิชัยจันทร์ (อดีตภรรยานายไพบุญ) กล่าวเปิดเผยว่า“ ก่อนเกิดเหตุไม่กี่นาที นายไพบุญได้โทรมาหาตน ว่าให้อุ้มลูกออกมาหาที่ร้านค้าหน้าบ้าน ซึ่งตนไม่มั่นใจจึงไม่ออกไป เพราะเมื่อวานนี้เขาได้โทรมาขู่จะฆ่า ตนเลยไม่ออกไป สักครู่เขาคงโมโหและได้บุกเข้าไปในบ้าน  ดังนั้นตนจึงอยากจะให้ทางเจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินคดีกับนายไพบุญ ให้ถึงที่สุดเนื่องจาก เข้ามาทำร้ายปู่และย่าของตนถึงในบ้าน ซึ่งต่อไปถือว่าเป็นอันตรายต่อคนในบ้านหลังนี้เป็นอย่างมาก